bih.button.backtotop.text


ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์


ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

 

เกี่ยวกับห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (Bumrungrad Laboratory)

ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้บริการครอบคลุมความต้องการทางการแพทย์สำหรับโรงพยาบาลระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) โดยแบ่งเป็นหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้ หน่วยเคมีคลินิก หน่วยภูมิคุ้มกันวิทยา หน่วยโลหิตวิทยา หน่วยอณูชีววิทยาและจุลชีววิทยา หน่วยธนาคารเลือด หน่วยพิษวิทยา หน่วยพยาธิวิทยากายวิภาค หน่วยการให้บริการ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (Point of Care Testing: POCT) หน่วยงานรับเหมาช่วงรับตรวจต่อ หน่วยจีโนมิกส์ (Clinical Genomics) และหน่วยการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)  มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านรวมกว่า 100 คน ให้บริการการทดสอบมากกว่า 1,500 รายการ รวมจำนวนการทดสอบที่ให้บริการกว่า 3 ล้านการทดสอบต่อปี

ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอกชนเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีการให้บริการด้านจีโนมิกส์ ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ที่ให้บริการครอบคลุมการทดสอบทั้งการทดสอบคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมของทารกในครรภ์จากเลือดมารดา (Non-Invasive Prenatal Testing: NIPT) การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนมะเร็งหลายยีนในคราวเดียว (Comprehensive Genomic Profiling: CGP) เพื่อการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Cancer Medicine) ทั้งจากชิ้นเนื้อ (Tissue Biopsy) และจากเลือด (Liquid Biopsy)  

Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory

ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ร่วมมุ่งมั่นพัฒนาและมอบนวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง มีความแม่นยำสูงให้กับผู้รับบริการขององค์กรเสมอมา เรามีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จากการได้รับการรับรองคุณภาพทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ International Organization for Standardization 15189 (ISO 15189) และ College of American Pathologists (CAP) 

เป็นที่ทราบกันว่ากว่า 70% ของการตัดสินใจทางการแพทย์ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หมายความว่าผลการตรวจของห้องปฏิบัติการมีบทบาทสำคัญในกระบวนการตรวจวินิจฉัย การดูแลสุขภาพ การสนับสนุนและการดูแลผู้ป่วยทั้งในด้านการป้องกันและรักษาดังนั้นผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจึงต้องมีความถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็ว เพื่อให้แพทย์นำผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไปประกอบการวินิจฉัยหรือวางแผนดูแลสุขภาพผู้ป่วยได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพและทันท่วงที

จุดเด่นของห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory
 
  • การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการทดสอบ ห้องปฏิบัติการของเราเป็นห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสูงเรามีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และมีรายการทดสอบที่หลากหลายและครอบคลุมโดยมีรายการทดสอบมากกว่า 1,500 รายการ
  • ผลการทดสอบที่มีความแม่นยำและรวดเร็ว – เราให้การตรวจวินิจฉัยที่มีความถูกต้อง มีความแม่นยำและรวดเร็วให้กับผู้รับบริการ
  • รวมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาต่างๆ –เราให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง บุคลากรห้องปฏิบัติการได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในสาขาต่าง ๆ มากกว่า 100 คน  มีผู้เชี่ยวชาญคุณวุฒิระดับปริญญาเอก (Ph.D.) ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมการให้คำปรึกษาทางพันธุศาสตร์ (Training Curriculum in Genetic Counseling) ของภาคีสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ พ.ศ. 2564, ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบรับรองหลักสูตร Point-of-Care Specialist Certificate และหลักสูตร Fundamentals of Molecular Pathology Certificate จากองค์กร American Association of Clinical Chemistry (AACC)
  • ห้องปฏิบัติการได้มาตรฐานระดับสากลห้องปฏิบัติการของเราเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจากการรับรองจากวิทยาลัยพยาธิแพทย์อเมริกัน (College of American Pathologists: CAP) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ISO 15189 ISO 15190 และ ISO 22870 (Point of Care Testing) อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
  • เน้นการวิจัยและพัฒนาคุณภาพ – เรามีทีมวิจัยและพัฒนาการทดสอบ โดยเน้นการนำนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์เด่นของเรา

1. โปรแกรมการตรวจยีนหาการกลายพันธุ์ด้วยการทดสอบ ONCOMINE 2. โปรแกรมการตรวจยีนเพื่อค้นหาความเสี่ยง (Genetic Health Screening) 3. การตรวจรหัสพันธุกรรมเชิงลึก โดยการถอดรหัสพันธุกรรมของยีนทั้งหมดในมนุษย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม (Comprehensive genetic health screen using Whole Exome Sequencing) 4. โปรแกรมการตรวจไขมันประเมินความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ (Advanced Lipid Profile) 5. โปรแกรมการตรวจยีนเพื่อปรับยา (Pharmacogenomics) 6. โปรแกรมการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดมารดา (NIPT) 7. โปรแกรมการตรวจสมดุลของสารอาหารกลุ่มวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ (Micronutrient)

นวัตกรรมและเทคโนโลยี

Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory


1. การใช้ระบบอัตโนมัติในการทำงานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การบริหารจัดการให้ห้องปฏิบัติการมีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ผลการตรวจวิเคราะห์ที่แม่นยำและรวดเร็วมีความสำคัญมากต่อผู้ป่วย การที่ห้องปฏิบัติการมีขนาดใหญ่และมีจำนวนการทดสอบมากนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความแม่นยำและความรวดเร็วของผลการทดสอบ ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงได้นำระบบเครื่องตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการแบบอัตโนมัติทั้งระบบ (Total Laboratory Automation System : TLA) มาใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยนำมาใช้ในหน่วยเคมีคลินิกและหน่วยภูมิคุ้มกันวิทยา และมีการพัฒนาระบบการทำงานในห้องปฏิบัติการให้เป็นระบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องและขยายไปยังทุกหน่วยงาน

การใช้ TLA System ประกอบด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ มีระบบราง (Track) ขนส่งสิ่งส่งตรวจและเชื่อมต่อหลายเครื่องมือเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างได้เป็นจำนวนมากในคราวเดียว ระบบนี้สามารถแทนที่มนุษย์ผู้ปฏิบัติงานในการเตรียมและวิเคราะห์ตัวอย่าง ช่วยให้ห้องปฏิบัติการขยายขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ขึ้นไปแบบก้าวกระโดด ในขณะเดียวกันก็สามารถกำจัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดต่าง ๆ ได้ ช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นของการทดสอบของห้องปฏิบัติการ รวมถึงสามารถลดระยะเวลาในการรอผลการทดสอบได้อย่างมีนัยสำคัญ

2. การใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์นำพาห้องปฏิบัติการไปสู่อนาคต
ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนางานตรวจวิเคราะห์ให้มีความถูกต้องและแม่นยำสูง เพื่อส่งมอบบริการที่ดียิ่งต่อผู้รับบริการ  นอกจากการนำระบบตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติทั้งระบบมาใช้ในงานบริการแล้ว ฝ่ายห้องปฏิบัติการยังได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ามาพัฒนาการทำงาน ประกอบการตรวจวินิจฉัยอย่างต่อเนื่องโดยมีนวัตกรรมที่โดดเด่น  ดังนี้

    1) นวัตกรรมการผสานรวมอย่างสมบูรณ์ของระบบการจัดการ POCT: หน่วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (Point of Care Testing: POCT) ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ให้บริการการทดสอบ POCT มานานหลายทศวรรษ มีเครื่องตรวจวิเคราะห์มากกว่า 70 เครื่อง สำหรับ 6 รายการทดสอบ ประจำจุดบริการต่าง ๆ ทั่วทั้งโรงพยาบาล มีปริมาณการทดสอบเฉลี่ยในแต่ละวัน 400 รายการ มีพยาบาลผู้ให้บริการการทดสอบกว่า 800 คน ภายใต้การดูแลของผู้ประสานงาน (Point-of-care-Coordinator - POCC) เพียง 1 คน ในการบริหารจัดการและตรวจสอบระบบการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล จากปริมาณงานและผู้ใช้งานที่มากขึ้น สวนทางกับจำนวนผู้ประสานงานที่มีเพียง 1 คน ทางห้องปฏิบัติการจึงได้วางแผนปรับปรุงกระบวนการทำงานของ POCT ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำระบบ Single POCT management system หรือ POCT Middleware มาติดตั้ง ซึ่งระบบนี้เป็นระบบที่เชื่อมต่อกับ 1) ระบบ Electronic Medical Record (HIS-TrakCare) 2) อุปกรณ์ POCT ทั้งหมด และ 3) ระบบการเรียนการสอนแบบ E-learning

การนำระบบ POCT Middleware มาใช้จัดการงาน POCT อย่างสมบูรณ์นี้ เป็นการนำมาใช้งานจริงแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก ทำให้มีความถูกต้องในการส่งข้อมูลจากเครื่องตรวจไปยังระบบ TrakCare แบบเรียลไทม์ โดยไม่มีข้อผิดพลาด แพทย์สามารถวางแผนการดูแลรักษาผู้ป่วยได้ทันที ลดเวลาที่ใช้ในการทำการทดสอบลงมากกว่า 50% ขจัดขั้นตอนและข้อผิดพลาด รองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น เพิ่มความรวดเร็วในการการอนุมัติสิทธิของผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการอบรมผ่านระบบ E-Learning และลดการสูญเสียรายได้จากการทดสอบบนเครื่องที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบการเงินของโรงพยาบาล จะเห็นได้ว่าระบบ Single POCT Middleware นี้ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อแพทย์และผู้ป่วย แต่ยังรวมถึงผู้ปฏิบัติงานและโรงพยาบาลอีกด้วย

    2) นวัตกรรมการตรวจวิเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI): หน่วยโลหิตวิทยาของห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีการนำ AI เข้ามาใช้ในการแปลผลชนิดของเซลล์เม็ดเลือดจากภาพถ่าย ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีตัวแรกที่มีการนับเม็ดเลือดแบบอัตโนมัติและใช้ภาพถ่ายเซลล์เม็ดเลือดแบบดิจิทัลร่วมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ในการตรวจวิเคราะห์และแปลผลเซลล์เม็ดเลือด ช่วยให้นักเทคนิคการแพทย์สามารถแยกเซลล์ผิดปกติที่มีความซับซ้อนได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ อีกทั้งยังช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยและประกอบการตัดสินใจในการรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางโลหิตวิทยา

    3) นวัตกรรมในการตรวจวินิจฉัยด้านโรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune): การทดสอบ Antinuclear antibody tests (ANA) เป็นการทดสอบที่สำคัญในการวินิจฉัยโรคในกลุ่มออโตอิมมูน หรือโรคภูมิต้านตนเอง ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้นำระบบการตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ และการใช้การจำแนกภาพถ่ายอัตโนมัติเข้ามาใช้สำหรับการทดสอบดังกล่าว โดยระบบสามารถถ่ายภาพเรืองแสงฟลูออเรสเซนส์ใต้กล้องจุลทรรศน์ จัดเก็บ จดจำรูปแบบ และวิเคราะห์รูปแบบของการติดสีเรืองแสงของเซลล์ที่ทำการทดสอบ ทำให้นักเทคนิคการแพทย์สามารถแปลผลการทดสอบได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ

    4) นวัตกรรม Digital Microbiology: หน่วยจุลชีววิทยาของห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นห้องปฏิบัติการแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาบริหารจัดการกระบวนการทดสอบตั้งแต่ต้นจนจบในงานด้านจุลชีววิทยา โดยมีระบบ HIS-TrakCare เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อการทดสอบจากเครื่องวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยาทุกเครื่อง สำหรับการทดสอบทุกรายการของงานด้านจุลชีววิทยา ได้แก่ การเพาะเลี้ยงและจำแนกเชื้อจุลินทรีย์ การทดสอบความไวต่อยาปฏิชีวนะของเชื้อจุลินทรีย์ เป็นต้น ผลลัพธ์หลักของการมี Digital Microbiology คือการส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่แพทย์และผู้ป่วย โดยแพทย์สามารถเข้าถึงผลการทดสอบได้ง่ายและเร็วขึ้น นำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ห้องปฏิบัติการยังสามารถลดความผิดพลาดในการรายงานผล ลดต้นทุนในการทดสอบ รวมถึงลดขั้นตอนการทำงานลงได้กว่า 31% ทำให้ลดระยะเวลาการทำงานถึง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน

    5) นวัตกรรมการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมแบบอัตโนมัติ (Automated Next Generation Sequencing: NGS): หน่วย Clinical Genomics ของห้องปฏิบัติการได้มีการนำเครื่อง Ion Torrent Genexus System ซึ่งเป็น Automated Next Generation Sequencing มาใช้เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เพื่อหาการกลายพันธุ์ของยีนที่เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง นำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยเฉพาะบุคคล (Personalized Cancer Medicine) โดยเครื่องดังกล่าวสามารถทำการเตรียมดีเอ็นเอแม่แบบ อ่านลำดับพันธุกรรม และวิเคราะห์ผลการทดสอบได้ในเครื่องเดียวตั้งแต่ต้นจนจบภายในระยะเวลาอันสั้น ประโยชน์ของการใช้ระบบอัตโนมัตินี้ คือลดขั้นตอน ลดระยะเวลาในการทำการทดสอบ ลดการเกิดความผิดพลาด และลดระยะเวลาการรอคอยผล จากเดิมที่เคยใช้เวลา 1 เดือน ลดลงเหลือเพียง 3 วัน ทำให้แพทย์ได้รับผลการทดสอบที่รวดเร็ว เพื่อนำไปวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็ง

    6) นวัตกรรมการตรวจยีนเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา: โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตระหนักถึงการใช้ยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย จากองค์ความรู้ในปัจจุบันทางด้านเภสัชพันธุศาสตร์ สามารถทำนายชนิดและขนาดยาที่เหมาะสมจากผลยีนของแต่ละบุคคล จึงมีการตรวจวิเคราะห์หาความผิดแผกทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อยา โดยขั้นตอนการทดสอบนั้นง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องเจาะเลือด ใช้เพียงไม้พันสำลีถูกระพุ้งแก้มก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ ผลการทดสอบจะถูกรวมเข้ากับระบบ TrakCare และระบบจะมีการแจ้งเตือนหรือแนะนำแพทย์ในการพิจารณาสั่งยาที่เหมาะสมกับผลยีนของผู้ป่วยแต่ละราย (Personalized Medicine) นำไปสู่ประโยชน์ในการรักษาสูงสุดและลดอาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยากับผู้ป่วย
 

Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory


นวัตกรรมและเทคโนโลยีห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

 
 

การรับรองคุณภาพทางห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

Bumrungrad Laboratory  

ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ดังจะเห็นได้จากการได้รับการรับรองคุณภาพทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

1. การรับรองมาตรฐาน International Organization for Standardization 15189 (ISO 15189) เป็นการรับรองคุณภาพทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ได้รับการรับรองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน

2. การรับรองมาตรฐาน International Organization for Standardization 22870 (ISO 22870)  เป็นการรับรองระบบคุณภาพของการให้บริการ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (Point-of-care testing: POCT) ได้รับการรับรองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน โดยเป็นห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้

3. การรับรองมาตรฐาน International Organization for Standardization 15190 (ISO 15190) เป็นการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ได้รับการรับรองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557  จนถึงปัจจุบัน

4. การรับรองมาตรฐานจากวิทยาลัยพยาธิแพทย์อเมริกัน (College of American Pathologists: CAP) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำของพยาธิแพทย์เฉพาะทาง ที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานด้านพยาธิวิทยาและเวชศาสตร์ชันสูตรทั่วโลก ห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากวิทยาลัยพยาธิแพทย์อเมริกัน (CAP) ในปี พ.ศ. 2559 และได้รับการรับรองต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

 
Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory
Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory
Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory
Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory
Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory Bumrungrad Laboratory


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
โทร. 02 011 4158 (08.00 - 20.00)
Email: [email protected]


 
Live support
We are sorry, but support is not available at the moment.