ในยามที่โลกยังไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด-19 วิธีการที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ การป้องกัน นักระบาดวิทยาได้ประเมินว่า ไวรัสโคโรนามีอัตราการติดเชื้อประมาณ 1.4 – 3.9 หมายความว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 หนึ่งรายสามารถส่งต่อเชื้อให้แก่ผู้อื่นได้ประมาณ 2-3 คน งานศึกษาวิจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่น พบว่า การรักษาระยะห่างทางสังคมช่วยลดการติดเชื้อลงได้เกือบถึง 1 ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยหนึ่งคนแพร่เชื้อต่อให้คนๆ เดียวเท่านั้น
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคและการรักษาระยะห่างทางสังคม เราจึงกำหนดมาตรการที่เข้มข้นในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัย ให้แก่ผู้มารับบริการทุกคน ดังนี้
- จัดให้อาคารบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คลินิกเป็นอาคารที่ปราศจากผู้ป่วยที่มีอาการหวัด (flu free building) ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มไม่เสี่ยงหรือผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ตามนัดซึ่งไม่มีอาการไข้ ไอ หวัด สามารถพบแพทย์ที่ศูนย์รักษาโรคต่างๆ ได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย
- มีระบบการคัดกรองที่เข้มแข็งได้มาตรฐาน เราจัดการทางเข้า-ออกโรงพยาบาลใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีจุดคัดกรองในทุกๆ จุดที่เป็นทางเข้า-ออกของโรงพยาบาล
- เราแยกการให้บริการผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ หวัด หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ออกจากผู้ป่วยกลุ่มไม่เสี่ยงอย่างชัดเจน โดยจัดตั้งคลินิกพิเศษสำหรับผู้ที่มีอาการไข้ ไอ หวัดโดยเฉพาะ ซึ่งแบ่งออกเป็น
คลินิกโรคหวัดผู้ใหญ่ สำหรับผู้ป่วยผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีอาการหวัดดังกล่าวหรือต้องการตรวจแพ็คเกจโควิด-19
ที่ชั้น P2 อาคารบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์
คลินิกโรคหวัดเด็กและสตรีมีครรภ์ สำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์ที่มีอาการหวัดดังกล่าว
ใช้บริการได้ที่ชั้น 3 อาคารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
คลินิกพิเศษ สำหรับผู้ที่ตรวจพบ ณ จุดคัดกรองว่ามีอาการเข้าข่าย เช่น มีไข้สูง
ไอ เจ็บคอ เจ้าหน้าที่จะส่งตัวผู้ป่วยมาตรวจอาการเพิ่มเติม
ที่คลินิกตรวจคัดกรองชั้น G อาคารบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์
นอกจากนี้เรายังเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้นสำหรับเด็กและคุณพ่อคุณแม่ที่มารับบริการที่ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่คลายกังวลเมื่อต้องพาลูกมาฉีดวัคซีนหรือพบแพทย์ตามนัด
|
|
ทางแผนกมีจุดคัดกรองเพิ่มเติมที่บริเวณด้านหน้าของศูนย์กุมารเวช โดยมีการสอบถามประวัติและวัดอุณหภูมิผู้ป่วยและญาติที่เข้ามาใช้บริการศูนย์กุมารเวช
ลิฟต์สำหรับเด็กมารับวัคซีน ให้บริการที่ชั้น G เพื่อไปส่งแผนกกุมารเวชชั้น 17
- จัดให้มีลิฟต์แยกสำหรับเด็กที่มารับวัคซีน
- เด็กที่มารับบริการฉีดวัคซีน จะได้รับบริการอย่างรวดเร็ว
- เจ้าหน้าที่ในแผนกกุมารเวชทุกคน สวมหน้ากากอนามัยระหว่างให้บริการตลอดเวลา
ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อต้องพาเด็กมาฉีดวัคซีนหรือพบแพทย์ตามนัดหมาย
- ไม่ควรสวมหน้ากากอนามัยและกระจังป้องกันใบหน้า (face shield) ให้แก่เด็กทารกแรกเกิด เนื่องจากเด็กทารกแรกเกิดหายใจทางจมูกเป็นหลัก ไม่สามารถอ้าปากหายใจเมื่อขาดอากาศหรือออกซิเจน ดังนั้นการสวมหน้ากากอนามัยหรือกระจังป้องกันใบหน้าอาจทำให้ทารกหายใจได้ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ มีผลอันตรายต่อระบบประสาทของทารก สำหรับเด็กเล็กที่ใช้รถเข็น อาจใช้ผ้าบางคลุมบนหลังคารถเข็น
- เด็กอายุ 1-2 ปี เด็กบางคนอาจถอดหน้ากากเองได้เมื่อรู้สึกอึกอัด แต่ยังไม่ควรให้เด็กสวมหน้ากากอนามัย
- เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป สามารถสวมหน้ากากได้ เพราะถอดเองได้เมื่อรู้สึกอึดอัด แต่ควรให้ความระมัดระวังหากเด็กมีความบกพร่องทางสมองหรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และควรระวังไม่ให้เด็กเอามือจับหน้ากากหรือบริเวณใบหน้าเมื่ออยู่นอกบ้าน ไม่แนะนำให้เด็กใส่กระจังป้องกันใบหน้าเพราะหากเด็กหกล้ม วัสดุที่ใช้ทำกระจังใบหน้าอาจบาดใบหน้าหรือดวงตาของเด็กได้
- ระมัดระวังให้เด็กอยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
- คุณพ่อคุณแม่ควรล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ เจลอย่างน้อย 20 วินาทีทุกครั้งก่อนอุ้มลูก
- เมื่อกลับถึงบ้านให้คุณพ่อคุณแม่และลูกอาบน้ำ สระผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
เรียบเรียงโดย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
แก้ไขล่าสุด: 01 มิถุนายน 2563