bih.button.backtotop.text

ไข้หวัด

ไข้หวัด เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและเด็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนปีแรกๆ เพราะเด็กเล็กจะยังไม่เคยได้รับเชื้อไวรัสหวัดต่างๆ ที่มีมากมายหลายชนิดมาก่อน เมื่อเข้าเรียน ได้พบปะผู้คนมากขึ้นก็จะเจ็บป่วยได้บ่อย จนเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดต่างๆ มากขึ้น ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดห่างขึ้น และมีอาการรุนแรงน้อยลง

สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสหวัดที่มีมากมายหลายสิบชนิด เช่น กลุ่มไวรัสไรโน (Rhinovirus) กลุ่มไวรัสอะดีโน (Adenovirus) กลุ่มไวรัส
โคโรนา (Coronavirus) กลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) กลุ่มอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) เป็นต้น เมื่อเป็นแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนั้น โดยการเป็นหวัดแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน
  • ไข้ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดศีรษะ
  • คัดจมูก มีน้ำมูกใส
  • จาม
  • คอแห้ง เจ็บคอ
  • อาจมีอาการไอ ซึ่งมีได้ทั้งไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
เนื่องจากโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ จึงให้การรักษาตามอาการเท่านั้น
  • ถ้ามีไข้ ให้รับประทานยาลดไข้
  • หากมีอาการไอ ควรดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ
  • สำหรับยาปฏิชีวนะ แพทย์จะสั่งใช้ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เช่น มีน้ำมูกหรือเสมหะสีเหลืองข้นหรือเขียว คอแดงจัด ปวดหู
  • ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม จะช่วยลดการติดเชื้อโรคได้
  • รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง
  • ไม่ควรเข้าไปในที่ที่มีคนแออัด โดยเฉพาะเวลาที่มีการระบาดของไข้หวัด
  • ไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำที่เย็นเกินไปโดยเฉพาะในเวลาที่มีอากาศเย็น
  • ดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
แก้ไขล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2567

Related Treatments

Doctors Related

Related Centers

ศูนย์อายุรกรรม

ดูเพิ่มเติม

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

คะแนนโหวต 3.14 of 10, จากจำนวนคนโหวต 14 คน

Related Health Blogs