หลังงานแต่งงานสุดอลังการผ่านไปได้ 5 เดือน คู่รักขวัญใจคนไทยอย่างคุณคิม คิมเบอร์ลี และคุณหมาก ปริญ ก็ได้เริ่มต้นสร้างครอบครัวที่สดใส ทั้งคู่ได้เริ่มเตรียมตัวสำหรับก้าวต่อไปของชีวิตอย่างการวางแผนมีเจ้าตัวน้อย โดยการเข้ารับการปรึกษาจากคุณหมอณหทัย ภัคธินันท์ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และได้เลือกที่จะ
แช่แข็งฝากไข่ไว้ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลาที่พร้อม ลูกตัวน้อยของทั้งคู่จะสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด
เรามาลองฟังว่าทำไม การฝากไข่ถึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณหมากและคุณคิม
การฝากไข่คืออะไร ทำไมต้องฝากไข่
การฝากไข่คือการเก็บรักษาเซลล์ไข่ในอุณหภูมิที่ต่ำเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการตั้งครรภ์ในอนาคต โดยปกติแล้ว คุณภาพและปริมาณเซลล์ไข่ของผู้หญิงจะลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี การแช่แข็งไข่จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคู่รักในปัจจุบันที่ยังไม่พร้อมมีลูกเนื่องจากหน้าที่การงาน ภาวะสุขภาพในชณะนั้นหรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ โดยการเก็บรักษาเซลล์ไข่ในอายุที่ยิ่งน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จในอนาคตได้มากขึ้น ซึ่งการฝากไข่ ไม่เพียงแค่เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีลูกเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับคู่ที่มีโรคที่ทำให้เกิดความเสื่อมของเซลล์สืบพันธุ์ได้ง่าย เช่น โรคระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติอย่าง เอสแอลอี หรือ
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รวมถึงคนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาที่มีผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การใช้เคมีบำบัด การฉายรังสีหรือการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับรังไข่หรือระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
ฝากไข่ทั้งง่ายและปลอดภัย
ขั้นตอนฝากไข่นั้นก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพียงเข้าพบแพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝากไข่ โดยมีการฉีดยาบริเวณหน้าท้องเพื่อกระตุ้นไข่ซึ่งมักเริ่มประมาณวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน จากนั้นคุณหมอจะนัดเพื่อตรวจติดตามปริมาณและขนาดของไข่อย่างใกล้ชิดอีก 3-4 ครั้ง ก็จะทำการเก็บไข่ที่สุกแล้วเพื่อนำไปแช่แข็งในห้องปฏิบัติการ โดยใช้เวลาเก็บไข่ประมาณ 30 นาที และพักฟื้นหลังเก็บไข่ 2 ชั่วโมง ซึ่งขณะทำแพทย์จะให้ยาสลบซึ่งไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ
แม้ว่าการแช่แข็งไข่โดยทั่วไปแล้วค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็อาจ มีภาวะแทรกซ้อนได้ เช่นภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากจนเกินไป หรือ Ovarian hyperstimulation syndrome (OHSS) ซึ่งบำรุงราษฎร์มีอัตราการเกิดน้อยมากเพียง 0.1% เท่านั้น
อยากฝากไข่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
เพื่อให้ได้ไข่ที่สมบูรณ์ที่สุด ควรรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เครียด ควรออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายโดยการทำงานอดิเรกที่ชอบ ทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ครบทั้ง 5 หมู่ เสริมวิตามินที่ดีต่อระบบสืนพันธุ์ตามคำแนะนำของแพทย์เช่น สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ เช่น วิตามิน D และกรดโฟลิก
ในยุคสมัยนี้ที่การแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น การฝากไข่เป็นอะไรที่เหมาะมากกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องยากหรือน่ากลัว อีกทั้งเป็นการวางแผนอนาคตให้เหมาะสมกับจังหวะชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ยังคงอยากลุยงานได้อย่างสบายใจจนกว่าจะถึงวันที่พร้อม และเมื่อวันนั้นมาถึง ก็จะมั่นใจว่า ลูกจะออกมาสมบูรณ์แข็งแรงที่สุดสมกับที่รอคอยอย่างแน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 26 มิถุนายน 2567