bih.button.backtotop.text

วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส

โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ “สเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี” (Streptococcus pneumoniae) ซึ่งทุกคนมีโอกาสติดเชื้อได้ แต่บางรายอาจมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าผู้อื่น เช่น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เด็ก ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่สูบบุหรี่ เป็นต้น โดยโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสสามารถทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงที่ปอด (โรคปอดบวม) เลือด (โรคติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด) และเยื่อหุ้มสมอง (โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ)


วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส

วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสในประเทศไทยมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
  1. วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต (PCV 13) ซึ่งป้องกันเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสได้ 13 ชนิด ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงในเด็กและประมาณครึ่งหนึ่งของการติดเชื้อในผู้ใหญ่
  2. วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดโพลีแซคคาไรด์ (PPSV 23) ซึ่งป้องกันเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสได้ 23 ชนิดรวมถึงชนิดที่ก่อให้เกิดโรคขั้นรุนแรงในผู้ใหญ่
 

ใครมีความเสี่ยงในการติดเชื้อนิวโมคอคคัสรุนแรง

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 65 ปี
  • ​เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
  • ผู้ป่วยที่มีการรั่วของน้ำไขสันหลัง
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจเรื้อรัง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เลือดจางโดยกำเนิด โรคเบาหวาน
  • โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคตับแข็ง
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
  • ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำหรือเป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง
 

วิธีฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส

  • ทารกและเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 3-4 เข็ม ขึ้นกับผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด 1 เข็มเมื่ออายุครบ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน และอีก 1 เข็มในช่วงอายุ 12-15 เดือน รวมทั้งหมด 4 เข็ม

เข็มที่

เข็มที่ 1

เข็มที่ 2

เข็มที่ 3

เข็มที่ 4

อายุ

2 เดือน

4 เดือน

6 เดือน

ช่วง 12-15 เดือน

 
  • เด็กโต เด็กอายุ 2-5 ปีควรฉีดอีก 1 เข็มหากยังไม่ได้รับวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกตครบทุกเข็มก่อนอายุ 2 ปี
  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป
    • ในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปแนะนำฉีดวัคซีนชนิดคอนจูเกต 1 เข็ม แล้วตามด้วยชนิดโพลีแซคคาไรด์
      1 เข็ม โดยห่างกันอย่างน้อย 1 ปี
    • ในผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อรุนแรง เช่น ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง แนะนำให้ฉีดวัคซีนตั้งแต่ช่วงอายุ 19-64 ปี และฉีดกระตุ้นเมื่ออายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยชนิดของวัคซีนและเวลาที่ควรได้รับวัคซีนจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของปัญหาสุขภาพเรื้อรังของผู้ป่วยแต่ละราย


ควรทำอย่างไรหากไม่สามารถมารับวัคซีนตามกำหนดนัด

ควรปรึกษาแพทย์กรณีไม่สามารถมาฉีดวัคซีนนี้ตามกำหนดหรือเลยกำหนดออกไป โดยทั่วไปกรณีลืมตั้งแต่เข็มที่ 2 สามารถฉีดต่อได้โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ สิ่งสำคัญคือควรมารับวัคซีนให้ครบตามขนาดที่แนะนำเพื่อประสิทธิผลในการป้องกันโรคของวัคซีน
 

ใครไม่ควรรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสหรือควรรอไปก่อน

  • ผู้ที่เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิตจากการได้รับการฉีดวัคซีนหรือแพ้ส่วนประกอบอื่นของวัคซีน
    ไม่ควรได้รับการฉีดครั้งต่อไป
  • ผู้ที่เคยมีอาการแพ้วัคซีนใดๆ ที่มีส่วนผสมของวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก (Diphtheria toxoid) เช่น DTaP (diphtheria, tetanus and acellular pertussis) ไม่ควรได้รับการฉีดครั้งต่อไป
  • ผู้ที่มีอาการป่วยปานกลางหรือป่วยหนักที่อาจมีหรือไม่มีไข้ เมื่อถึงกำหนดฉีดวัคซีนควรรอจนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่ป่วยเล็กน้อยสามารถรับการฉีดวัคซีนได้
 

ผลไม่พึงประสงค์จากวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส

  • 1 ใน 2 ของผู้ได้รับวัคซีนชนิดโพลีแซคคาไรด์มีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เช่น แดง หรือปวดบริเวณที่ฉีด และน้อยกว่า 1% ที่มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีปฏิกิริยารุนแรงกว่านี้
  • 1 ใน 2 ของผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดคอนจูเกตอาจมีอาการง่วงนอน มีอาการเบื่ออาหารชั่วคราว หรือมีอาการบวมแดงบริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีน ประมาณ 1 ใน 3 อาจมีอาการบวมบริเวณที่ได้รับการฉีดและมีไข้ ประมาณ 1 ใน 20 มีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส และ 8 ใน 10 อาจมีอาการหงุดหงิดอารมณ์เสีย
 

ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดผลไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง

อาการผิดปกติต่างๆ เช่น มีไข้สูง การหายใจไม่สะดวก เสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดขาว อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็วหรือเวียนศีรษะ หากพบอาการเหล่านี้ควรแจ้งแพทย์หรือพาผู้ป่วยมาพบแพทย์ทันที
 

อันตรกิริยาระหว่างยา (ผลต่อยาอื่น)

  • ไม่ควรให้วัคซีนนิวโมคอคคัสโพลีแซคคาไรด์และวัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกตพร้อมกัน
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดโพลีแซคคาไรด์อาจลดการตอบสนองต่อวัคซีนป้องกันงูสวัด แนะนำให้ได้รับวัคซีน 2 ชนิดนี้ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกตสามารถให้พร้อมกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ ทั้งนี้ผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
 

เอกสารอ้างอิง



รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 10 มีนาคม 2568