ไวรัสโรต้าเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียโดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก บางรายอาจท้องเสียรุนแรงและเกิดภาวะขาดน้ำได้ ไวรัสโรต้าสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเชื้อไวรัสอาจติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระของผู้ที่ติดเชื้อ เมื่อเด็กสัมผัสและเอามือเข้าปาก เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกาย การระบาดของไวรัสโรต้ามักเกิดในครอบครัว โรงเรียนเด็กเล็ก หรือสถานเลี้ยงเด็ก
อาการแสดงเมื่อติดเชื้อไวรัสโรต้า
ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ 1-3 วัน เริ่มจากมีไข้ต่ำๆ (ผู้ป่วย 1 ใน 3 จะมีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส) และอาเจียนร่วมด้วย ตามมาด้วยถ่ายเหลว โดยปกติแล้วอาการดีขึ้นภายใน 3-7 วัน หากอาการรุนแรงจะถ่ายอุจจาระและอาเจียนมาก อาจเกิดภาวะขาดน้ำได้ ควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยลง ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ใครควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโรต้า
เด็กทุกคนที่มีอายุ 2 เดือนและมีภูมิคุ้มกันปกติควรได้รับวัคซีนนี้ วัคซีนไวรัสโรต้าจะป้องกันอาการท้องเสียและอาเจียนจากไวรัสโรต้าได้ดี แต่ไม่ได้ป้องกันอาการท้องเสียหรืออาเจียนที่เกิดจากเชื้อโรคอื่น
วิธีใช้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสโรต้า
- วัคซีนไวรัสโรต้าเป็นวัคซีนที่ให้ทางปาก (กลืน) ไม่ต้องฉีด
- วัคซีนไวรัสโรต้าในท้องตลาดมี 2 ชนิด คือ Rotarix® และ Rotateq® โดยวัคซีนทั้งสองมีประสิทธิภาพเทียบเคียงกัน
- ควรรับวัคซีนยี่ห้อเดียวกันให้ครบตามกำหนด
ชื่อการค้า
|
ครั้งที่ 1
|
ครั้งที่ 2
|
ครั้งที่ 3
|
Rotarix® หยอด 2 ครั้ง
|
อายุ 2 เดือน
|
อายุ 4 เดือน
|
---
|
Rotateq® หยอด 3 ครั้ง
|
อายุ 2 เดือน
|
อายุ 4 เดือน
|
อายุ 6 เดือน
|
***คำแนะนำการรับวัคซีน ครั้งที่ 1 อายุไม่ควรเกิน 15 สัปดาห์ และวัคซีนครั้งสุดท้ายเมื่ออายุไม่เกิน 8 เดือน***
ใครไม่ควรได้รับวัคซีนไวรัสโรต้า หรือควรชะลอไว้ก่อน
- เด็กที่แพ้วัคซีนหรือส่วนผสมของวัคซีนไวรัสโรต้าอย่างรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตไม่ควรรับวัคซีนครั้งต่อไปอีก
- เด็กที่เป็นโรคขาดภูมิต้านทานอย่างรุนแรง (severe combined immunodeficiency: SCID) หรือเคยเป็นโรคลำไส้กลืนกัน (intussusceptions) ไม่ควรได้รับวัคซีนไวรัสโรต้า
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากเด็กมีประวัติแพ้รุนแรง รวมถึงมีประวัติแพ้ยาง (latex)
- ตรวจสอบกับแพทย์หากเด็กมีภูมิคุ้มกันลดลงอันเนื่องมาจากเอชไอวี/เอดส์หรือโรคอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน การรักษาด้วยยา เช่น สเตียรอยด์ หรือมะเร็ง
- เด็กที่มีอาการป่วยเล็กน้อยสามารถรับวัคซีนได้ตามปกติ แต่เด็กที่มีอาการป่วยขั้นปานกลางหรือขั้นรุนแรง รวมถึงอาการท้องเสียหรืออาเจียนทั้งปานกลางและรุนแรง ควรจะเลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน จนกว่าจะหายเป็นปกติ
ผลไม่พึงประสงค์จากวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า
อาการไม่พึงประสงค์เล็กน้อย
|
อาการไม่สบายตัว ไข้ หรือท้องเสียชั่วคราวหลังจากได้รับวัคซีน
|
อาการไม่พึงประสงค์รุนแรง
|
พบได้น้อยมากๆ แต่หากเกิดหรือสังเกตพบให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที โดยแนะนำให้สังเกตความผิดปกติต่างๆ หลังรับวัคซีนใน 1 สัปดาห์ เช่น เด็กร้องไห้มากขึ้นอาจเนื่องจากปวดท้องรุนแรง อาเจียนบ่อยๆ หรือมีเลือดปนในอุจจาระ เป็นต้น รวมทั้งสังเกตอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ไข้สูงหรืออาการแสดงของการแพ้อย่างรุนแรง เช่น หายใจไม่สะดวก หายใจมีเสียงวี้ด อ่อนเพลีย เสียงแหบ หัวใจเต้นเร็ว หากมีอาการดังกล่าวให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที
|
อันตรกิริยาระหว่างยา (ผลต่อยาอื่น)
วัคซีนไวรัสโรต้าสามารถให้ได้พร้อมๆ กับการให้วัคซีนสำหรับเด็กชนิดอื่นๆ
ยาบางตัวอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนไวรัสโรต้า เช่น ยากดภูมิคุ้มกัน หากเด็กรับประทานยาในกลุ่มนี้หรือกลุ่มอื่นๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนที่จะรับวัคซีนไวรัสโรต้า
***หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้า กรุณาสอบถามแพทย์ เภสัชกร หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้อง***
เอกสารอ้างอิง:
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 24 มีนาคม 2568