bih.button.backtotop.text

โรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง ภัยร้ายซ่อนเร้น (Cervical Myelopathy)

อาการที่นำคนไข้มาหาผมมากที่สุดก็คืออาการปวดหลัง หรือปวดคอ น่าแปลกที่ว่าอาการปวดจากโรคกระดูกสันหลังนั้นบางครั้งแม้จะทรมานมาก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วอาการปวดเหล่านี้มักไม่อันตราย และมักรักษาให้หายขาดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด วันนี้สิ่งที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟังคืออาการที่พบได้น้อยกว่า ตรวจพบได้ยากกว่า แต่ขณะเดียวกันกลับมีความอันตรายมากกว่าโรคกระดูกสันหลังทั่วไป ซึ่งเป็นที่มาของชื่อบทความอันนี้นะครับ
   


เส้นประสาทไขสันหลังคืออะไร

ในกระดูกคอนั้นมีเส้นประสาทที่สำคัญอันหนึ่งก็คือเส้นประสาทไขสันหลัง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า spinal cord ไขสันหลังคือเส้นประสาทเส้นเล็กๆ จำนวนมากที่มัดอยู่รวมกันเป็นเส้นประสาทเส้นใหญ่ ทำหน้าที่สำคัญหลายๆ อย่างในร่างกาย เช่น การขยับของแขนขา, การทรงตัวของร่างกาย, การควบคุมการขับถ่าย

ซึ่งเส้นประสาทไขสันหลังนี้ยิ่งเป็นระดับที่ต่ำลงไป จำนวนของเส้นประสาทที่มัดอยู่รวมกันก็ยิ่งน้อยลง และพอถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวไขสันหลังก็จะเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงขาและอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน คนที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นอัมพาตก็เพราะเส้นประสาทไขสันหลังได้รับบาดเจ็บนี่แหละครับ ส่วนจะอัมพาตมากแค่ไหนก็ขึ้นกับว่าบาดเจ็บที่ระดับไหน ยิ่งเป็นระดับบนเท่าไรก็ยิ่งโดนเส้นประสาทมากขึ้น อาการอัมพาตก็จะรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

 


อาการของโรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง

 
Layout-Cervical-Myelopathy-Blog_Blog-Content-(1).jpg
เส้นประสาทไขสันหลังคือเส้นประสาทจำนวนมากที่มัดรวมกันเป็นเส้นใหญ่
เมื่อหมอนรองกระดูกฉีกปลิ้นทำให้เกิดการทับเส้นประสาท
หรือไขสันหลังได้โดยจะมีอาการต่างกันไปขึ้นกับว่าทับที่จุดใด
 


เรามักจะคุ้นเคยกับอาการของโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กันมากกว่า การกดทับเส้นประสาทจากหมอนรองกระดูกมักทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง เนื่องจากตัวโรคมักเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ จึงทำให้ตัวโรคดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ร่างกายเกิดปฏิกริยาการอักเสบมาก
 
โรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง เป็นโรคที่คล้ายกัน แต่แตกต่างที่การดำเนินโรคช้า เพราะเกิดจากความเสื่อมตามอายุที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น อาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าอาการจะมากจนรู้สึกได้ นอกจากนั้นก็ยังเป็นปัจจัยทางกายวิภาคของไขสันหลังเองที่เส้นใยประสาทรับความรู้สึกจะอยู่ทางด้านหลังเมื่อถูกกดทับอาการปวดจึงไม่เด่น
 
อาการของการกดไขสันหลังมักจะแสดงออกในรูปแบบของความสามารถในการทำงานละเอียดๆ ลดลง, ความแม่นยำในการควบคุมนิ้วมือ แขนขาด้อยลง, ความเร็วในการพิมพ์สัมผัสช้าลง, เล่นดนตรีในเพลงยากๆ ได้ไม่เหมือนเดิม, การทรงตัวขณะเดินไม่ดีเหมือนเดิม หรือแม้กระทั่งล้มบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
 
จะเห็นได้ว่าอาการต่างๆ เหล่านี้ในตอนต้นผู้ป่วยหรือญาติจะต้องเป็นคนช่างสังเกตพอสมควรจึงจะดูออก ที่ยากไปกว่านั้นคืออาการเหล่านี้มักจะเพิ่มขึ้นอย่างช้ามากๆ จนเราคิดไปว่าเป็นอาการของผู้สูงอายุตามธรรมดาก็มี และเนื่องจากอาการข้างต้นมักจะไม่ได้ทรมานมากเหมือนกับอาการปวด ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจึงมักมาพบแพทย์เมื่ออาการมากหรือเดินไม่ได้แล้วเป็นต้น
 

 

แล้วโรคนี้อันตรายอย่างไร

ความอันตรายของโรคนี้คือการกดทับไขสันหลังนี้หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันจะนำไปสู่อาการอัมพาตได้ในที่สุด แต่อาการอัมพาตที่เกิดจากโรคนี้จะไม่เหมือนโรคหลอดเลือดสมองที่จะเกิดอัมพาตแบบปุบปับฉับพลัน แต่อาการอัมพาตจากโรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลังจะค่อยๆ เกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป รู้ตัวอีกทีก็คือเดินลำบากแล้วหรือลุกไม่ค่อยขึ้นแล้ว มีข้อยกเว้นที่โรคนี้อาจเกิดอัมพาตแบบฉับพลันได้คือเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกคอสะบัดกระทันหัน หมอนรองกระดูกที่เคยทับไขสันหลังไว้โดยไม่แสดงอาการอาจกระแทกเข้าไปแล้วทำให้เกิดอาการอัมพาตขึ้นมาได้ โดยอุบัติเหตุที่ว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงเลย ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่นั่งรถแล้วมีการเบรกแรงๆ หรือการล้มที่เหมือนจะเบาๆ แต่คอมีการเคลื่อนไหวเร็วๆ ก็สามารถทำให้เกิดอัมพาตได้เช่นกัน  

 
 
Cervical-Myelopathy_2-(1).jpg
การเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของคอเร็วๆ
สามารถทำให้คนไข้ที่ไม่เคยมีอาการของไขสันหลังโดนทับ เกิดอาการอัมพาตได้อย่างฉับพลัน
 
 
 
Cervical-Myelopathy_Case1.JPG
 ผู้ป่วยรายนี้เดินอยู่ริมชายหาด เสียหลักล้มเพราะคลื่นกระแทกเล็กน้อย หลังล้มเกิดอาการอัมพาตขยับแขนขาไม่ได้ในทันที
ลูกศรสีเขียวแสดงจุดปกติที่ไม่มีการกดทับ
ส่วนลูกศรสีส้มแสดงจุดที่มีการกดทับไขสันหลัง
นอกจากนั้นเรายังเห็นรอยช้ำของไขสันหลังสีขาวกระจายอยู่รอบๆ อีกด้วย

 

 

ทำอย่างไรจึงจะตรวจพบได้เร็ว

ถ้าอาการเข้ากันได้กับโรคนี้ควรจะเข้ามารับการตรวจกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงครับ แพทย์จะทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, การทรงตัวของร่างกาย รวมถึงปฏิกริยาตอบสนองอัตโนมัติของแขนขา หากพบว่าอาการเข้าข่ายก็จะส่งตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRIเพื่อยืนยันการวินิจฉัยอีกที

 

 

จำเป็นต้องผ่าตัดไหม

ในภาวะที่มีเพียงการกดทับเส้นประสาท โดยไม่มีการกดทับไขสันหลัง ผมมักจะให้คนไข้ทดลองรักษาด้วยวิธีการไม่ผ่าตัดก่อนเสมอ แต่ภาวะการกดทับไขสันหลังเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นที่ผมมักจะแนะนำให้คนไข้เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่ยังมีอาการน้อยๆ เพราะหากรอให้เกิดเหตุไม่คาดฝันเสียก่อน การฟื้นตัวอาจจะทำได้ยากมาก

การผ่าตัดโรคนี้ในยุคปัจจุบันเราผ่าตัดผ่านกล้องจุลทรรศน์ทั้งหมดการฟื้นตัวหลังผ่าตัดจึงไว พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงวันเดียวก็สามารถออกจากร.พ. ได้
 
 
 
Cervical-Myelopathy_Case2.JPG
ผู้ป่วยรายนี้ภรรยาสังเกตเห็นว่าการทรงตัวผู้ป่วยแย่ลงมาหลายปี ไม่สามารถใส่กางเกงขณะที่ยืนได้ แต่ชีวิตประจำวันด้านอื่นยังปกติดี ภาพ MRIด้านซ้ายพบว่ามีไขสันหลังถูกกดทับ
ผุ้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกที่คอโดยหลังผ่าตัดยังสามารถขยับคอได้อย่างเป็นธรรมชาติ


โรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลังเป็นโรคที่แสดงอาการน้อยโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ อาการจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนบางครั้งผู้ป่วยไม่รู้ตัว หากสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวอาจมีอาการควรเข้ารับการตรวจร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังของเราได้


เกี่ยวกับผู้เขียน
หมอเข้ม หรือ .. วิธวินท์ เกสรศักดิ์ เรียนจบเฉพาะทางทางด้านประสาทศัลยศาสตร์ ที่ร.พ. รามาธิบดี และได้ไปเรียนต่อยอดด้านการผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยการส่องกล้องเอ็นโดสโคปที่ประเทศเยอรมนี และประเทศอังกฤษ ปัจจุบัน นอกจากหมอเข้มจะทำงานเป็นศัลยแพทย์ด้านกระดูกสันหลังประจำที่ร.พ. บำรุงราษฎร์ แล้วยังเป็นแพทย์ผู้ฝึกสอนการผ่าตัดด้วยเทคนิคเอ็นโดสโคปในประเทศเยอรมนี และเป็นผู้บรรยายอิสระให้กับ AOspine ซึ่งเป็นองค์กรการศึกษาแบบไม่แสวงผลกำไรในระดับนานาชาติอีกด้วย
 



 
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

โรคหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง ภัยร้ายซ่อนเร้น (Cervical Myelopathy)
คะแนนโหวต 9.5 of 10, จากจำนวนคนโหวต 12 คน

Related Health Blogs