bih.button.backtotop.text

เจ็บหน้าอก อย่ารอช้า

23 มกราคม 2552

อันที่จริงสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นไปได้หลายประการแต่ความเป็นไปได้ที่ร้ายแรงที่สุด คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน(Heart Attack) หรือที่เรียกกันว่า หัวใจวาย นั่นเอง

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรทั่วโลก สำหรับประเทศไทย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็น 1 ใน 3 สาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดใกล้เคียงกับการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และโรคมะเร็ง

แม้อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจะสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดอาการแล้ว ผู้ป่วยจะต้องเสียชีวิตเสมอไป สิ่งที่จะ “ชี้เป็นชี้ตาย”ในสถานการณ์วิกฤตินี้คือผู้ป่วยถึงมือแพทย์ได้เร็วเพียงใด

แต่ปัญหาคือ โดยมากผู้ป่วยและคนรอบข้างมักไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร และอาการเจ็บหน้าอกนั้นร้ายแรงถึงชีวิตเสมอไปหรือไม่ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและสัญญาณเตือนต่าง ๆ Better Health มีคำแนะนำจาก นพ. วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตอายุรแพทย์โรคหัวใจ มาฝากกัน
 

รู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมักจะเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary Artery) เกิดการอุดตันอย่างฉับพลันจนไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้ กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนจะเริ่มตาย หากไม่รีบเปิดทางเดินของหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายมากขึ้น และหัวใจก็จะหยุดทำงานในที่สุด” นพ.วิสุทธิ์ อธิบาย

สาเหตุที่สำคัญของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลันเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากมีไขมันสะสมเพิ่มพูนขึ้นภายในผนัง หลอดเลือด เมื่อเวลาผ่านไป ไขมันที่สะสมอยู่จะรวมตัวกันมากขึ้นจนเป็นแผ่นหนา ส่งผลให้หลอดเลือดที่ปกติจะสามารถยืดหดได้ตาม ความดันโลหิต สูญเสียความยืดหยุ่นและเสี่ยงต่อการปริแตกได้ง่าย ทั้งนี้เมื่อเกิดความผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับหลอดเลือด หากไม่ระวังดูแลตัวเองให้ดี อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในที่สุด

“การที่เส้นทางลำเลียงเลือดภายในหลอดเลือดแคบลงเนื่องจากมีไขมันเกาะตัวหนาอยู่บริเวณผนังหลอดเลือด ในขั้นเริ่มแรก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไรแสดงออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลอดเลือดหัวใจตีบลงมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อออกแรง ออกกำลังกาย หรือทำอะไรรีบ ๆ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลำเลียงเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ให้เพียงพอ นั่นเอง” นพ.วิสุทธิ์ กล่าวต่อ
 

อย่ารอช้าเมื่อมีสัญญาณเตือน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันนั้น อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ โดยมีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละราย ซึ่งอาการบอกเหตุของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้ 
 
  • เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับ
  • จุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่
  • หายใจสั้น หอบ
  • อาจมีอาการเจ็บร้าวที่บริเวณแขน คอ ไหล่ และกราม
  • เหงื่อออกท่วมตัว
  • คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น

อาการเจ็บแน่นหน้าอกถือว่าเป็นอาการนำของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งโดยมากมักจะเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เหงื่อออก หายใจหอบ ปวดร้าวไปที่แขนข้างเดียว หรือทั้งสองข้างไปจนถึงคอและกราม” นพ.วิสุทธิ์ เล่า “ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 20 ถึง 30 นาที แต่ถ้าหากมีอาการอยู่ตลอดต้องถือว่าเป็นสัญญาณวิกฤติของอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ตอนนี้ ผู้ป่วยต้องรีบไปพบแพทย์ หรือเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลทันที หรือภายใน 4 ชั่วโมง”

สาเหตุที่ต้องส่งผู้ป่วยให้ถึงแพทย์โดยเร็วนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟู ทำการรักษาให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยเร็วที่สุด นพ.วิสุทธิ์ เสริมว่า “เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งจะเริ่มตาย และเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจตายแล้วก็ไม่สามารถฟื้นฟูหรือสร้างใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าสามารถปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจไม่ให้ถูกทำลายได้มาก โอกาสรอดชีวิตก็มีสูง”

สาเหตุใหญ่ที่ผู้ป่วยตัดสินใจมาโรงพยาบาลช้ามักเกิดจากความไม่แน่ใจว่าใช่อาการเตือนหรือไม่ หรือคิดว่าเป็นโรคอื่น รวมทั้งเกรงว่าจะ “ขายหน้า” หากไม่ได้มีอาการขั้นวิกฤติจริง “การนำผู้ป่วยมาส่งแพทย์ทันทีมีแต่ได้ประโยชน์ เพราะแม้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แพทย์ก็จะสามารถวินิจฉัยได้ว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ราว ๆ ร้อยละ 50 เสียชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ เพราะฉะนั้นทั้งผู้ป่วย และคนรอบข้างจำเป็นต้องทราบว่าอาการใดที่เป็นสัญญาณเตือนบ้าง แม้แต่เพียงสงสัยก็ไม่ควรรอช้า” นพ.วิสุทธิ์ ย้ำ
 

เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล

แพทย์จะทำการแก้ไขการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งทำได้โดยการใช้ยา หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือทั้ง 2 วิธีควบคู่กัน ระหว่างที่เกิดอาการอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนคืออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง หรือ Ventricular Fibrillation ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วนั้น อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอาจไม่ได้หมายถึงชีวิตเสมอไป หากคุณทราบ เข้าใจและรับมือได้ทันท่วงที ความรู้เท่าทันของคุณอาจช่วยชีวิตคนใกล้ชิด หรือแม้แต่ตัวคุณเองไว้ได้
 

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับประกาศนียบัตรการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจจาก JCI

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพโรงพยาบาลระดับสากลสำหรับมาตรฐานการรักษาโรคเฉพาะทาง รวมถึงโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและโรคหลอดเลือดสมองตีบ จาก Joint Commission International (JCI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระหว่างประเทศในการตรวจสอบและรับรองคุณภาพโรงพยาบาลโดยเฉพาะ

การรับรองคุณภาพโรงพยาบาลระดับสากล สำหรับมาตรฐานการรักษาพยาบาลโรคเฉพาะทางของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและโรคหลอดเลือดสมองตีบนี้ ถือเป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาล และได้รับคำแนะนำในการดูแล และป้องกันอย่างเป็นไปตามขั้นตอนซึ่งได้มาตรฐานสากลที่โรงพยาบาลชั้นนำทั่วโลกถือปฏิบัติ ผู้ป่วยจะไม่เสี่ยงต่อการดูแลรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือด้อยคุณภาพ เนื่องจากโรคดังกล่าวมีความรุนแรงค่อนข้างมาก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยเอง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
065-509-9198 
(ระหว่างเวลา 8.00-20.00 น. )

02-066-8888
(ระหว่างเวลา 20.00-8.00 น. )

Email
[email protected]
 

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง