1.หลีกเลี่ยงหรือลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง 2.ดำเนินหลักการ 5ส. (สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย) 3.ทำการล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 4.ในกรณีที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยชนิด N95 5.หากต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ในอาคารบ้านเรือน แนะนำให้เลือกขนาดที่สัมพันธ์กับขนาดห้อง/พื้นที่

 

1. หลีกเลี่ยงหรือลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการอยู่ในอาคารที่มีระบบปรับอากาศ การระบายอากาศ ที่ดีจะทำให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5    ซึ่งจากการสุ่มตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่า ในวันที่คุณภาพอากาศ ภายนอกที่มีค่า PM 2.5 สูง (มากกว่า 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) แต่ในอาคารพบว่ามีค่าไม่เกินมาตรฐาน กรมควบคุมมลพิษที่  < 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
2. ดำเนินหลักการ  5ส. (สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสัย) จากการตรวจติดตามคุณภาพอากาศ ภายในโรงพยาบาลพบว่าพื้นที่ที่มีการเก็บของจำนวนมากมีโอกาสที่จะเกิดการสะสมฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากของที่เก็บไว้เป็นจำนวนมากอาจจะเป็นแหล่งกำเนิดของฝุ่นแล้ว ยังส่งผลต่อการไหลเวียนอากาศภายในอาคาร
3. ทำการล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการลดการสะสมของฝุ่นในเครื่องปรับอากาศ และทำให้ประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า 
4. ในกรณีที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยชนิด N95 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 มากที่สุดสามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาด 0.1-0.3 ไมครอน ได้ถึง 95%
5. หากต้องการซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ในอาคารบ้านเรือน แนะนำให้เลือกขนาดที่สัมพันธ์กับขนาดห้อง/พื้นที่ โดยดูจากคำแนะนำของผู้จำหน่าย ทางแผนก Health Safety & Environment ได้ทดสอบการกรองอากาศในกลุ่มพื้นที่ตัวอย่าง โดยใช้เครื่องฟอกอากาศรุ่นต่างๆ ของโรงพยาบาล พบว่าเมื่อกรองอากาศเป็นจำนวน 10 เท่าของปริมาตรห้อง ( 10 Air Changes ) ค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ < 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

 
 
 
    เอกสารอ้างอิง : คู่มือการประเมินความเสี่ยงจากการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาล สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข