ท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 ผู้หญิงหลายคนอาจจะกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และการดูแลตนเอง ถ้าท้องขึ้นมาเราจะดูแลลูกอย่างไร หรือก่อนตั้งท้องต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้ลูกรักคลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรง
วางแผนตั้งครรภ์ ให้ปลอดภัย ลูกน้อยแข็งแรง
เมื่อตั้งใจจะมีลูกและวางแผนการตั้งครรภ์แล้ว ให้คุณแม่เริ่มทานกรดโฟลิกได้เลย ทานวันละ 1 เม็ด เม็ดละ 5 มิลลิกรัม
โดยกรดโฟลิกนี้มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างระบบประสาทของทารก ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนป้องกันภาวะโลหิตจางของคุณแม่
สิ่งที่คุณแม่ต้องระวังช่วงเตรียมตัวตั้งครรภ์ คือ การใช้ยารักษาสิว โดยเฉพาะยาโรแอคคิวเทนนั้นอาจส่งผลให้ลูกพิการได้เลย เพราะถึงจะหยุดทานยาไปแล้ว 2-3 เดือนก็ยังเสี่ยงอันตรายได้ เพราะฉะนั้นควรหยุดทานยารักษาสิวประมาณ 9-12 เดือน ก่อนตั้งครรภ์จะดีที่สุด เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดกับลูกในท้อง
นอกจากนี้คุณแม่ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และเมื่ออายุครรภ์ได้ 6-8 สัปดาห์ก็ควรไปฝากครรภ์ เพื่อให้คุณหมอดูแลสุขภาพครรภ์และเช็กพัฒนาการทารก
การฝากครรภ์สำคัญอย่างไร
เมื่อถึงเวลาที่ไปฝากครรภ์ ครั้งแรกคุณหมอจะถามคุณแม่ว่าประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ให้คุณแม่พยายามจดจำประจำเดือนที่มาครั้งสุดท้ายเอาไว้ เพราะคุณหมอจะใช้ประเมินอายุครรภ์
ถ้าตั้งครรภ์แล้วอยากให้ไปพบแพทย์ ไม่ต้องทันทีทันใด สัก 6 สัปดาห์ก็ไปได้ ส่วนเรื่องโควิดก็เหมือนการป้องกันทั่วไป สวมหน้ากาก ฉีดวัคซีน ได้หลัง 12 สัปดาห์ไปแล้ว หลีกเลี่ยงเหมือนคนทั่วไป ระวังจุดเสี่ยง ก่อนตั้งครรภ์พยายามจดจำประจำเดือนครั้งสุดท้ายให้ได้ ว่ามาครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่ เดือนเท่าไหร่ ข้อที่ 2 ให้เริ่มทานกรดโฟลิก ซื้อตามร้านขายยาได้เลย เม็ดละ 5 มิลลิกรัม
ระหว่างตั้งครรภ์ควรไปหาคุณหมอตามนัด เพื่อให้คุณหมอตรวจเช็กว่าคุณแม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไรต้องดูแลหรือไม่ เพราะโรคบางโรคก็ผลกระทบกับการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นการไปพบคุณหมอแต่เนิ่นๆ ช่วยคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม และโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และลูกได้
ดูแลครรภ์อย่างไรในสถานการการแพร่ระบาดของโควิด 19
ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 คุณแม่ท้องหลายคนอาจจะมีความกังวลเมื่อต้องออกจากบ้านไปพบแพทย์ตามนัด บางคนอาจจะอยากเลื่อนนัดเพราะต้องการออกจากบ้านให้น้อยที่สุด ตามคำแนะนำของแพทย์คุณแม่ควรไปฝากครรภ์ตามนัดจะดีที่สุด เพราะแต่ละครั้งจะมีการตรวจเช็กพัฒนาการของแม่และลูกในท้อง ติดตามอาการและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ 5 เดือน ที่ต้องมีการอัลตร้าซาวนด์วินิจฉัยความผิดปกติของลูก ไม่ควรเลื่อนนัดเด็ดขาด
ส่วนคุณแม่ท้องจะดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยในช่วงโควิด 19 คุณหมอมีคำแนะนำดังนี้
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือ แอลกอฮอล์ 70%
- ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้าน
- ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงที่ผู้คนแออัดหรือสถานที่เสี่ยง
- งดการใช้มือสัมผัสบริเวณตา จมูก ปาก
- ห้ามใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ช้อนส้อม
- หลีกเลี่ยงการใช้รถสาธารณะ
เลือกแบบไหนดี ผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติ
โดยทั่วไปแล้วคุณแม่ที่เลือกการคลอดธรรมชาตินั้นจะฟื้นตัวหลังคลอดเร็วกว่าคุณแม่ที่ผ่าคลอด ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าคลอด ขณะที่ลูกเองก็จะได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้ลูกไม่เจ็บป่วยง่าย นอกจากนี้การคลอดเองตามธรรมชาติยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากอีกด้วย
ส่วนการผ่าตัดคลอดนั้นเป็นหัตถการที่สูติแพทย์ทำบ่อยเช่นกัน ซึ่งสมัยนี้ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ สามารถกำหนดเวลาคลอดได้ และการฟื้นตัวไม่นานเกินไปนัก
สำหรับการเตรียมตัวก่อนคลอด ถ้าคุณแม่ที่
วางแผนคลอดเองจะรอให้เจ็บท้องจึงค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ ส่วนคุณแม่ที่เลือกทำการผ่าคลอดนั้นสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ แต่มีคำแนะนำสำหรับคุณแม่ที่เลือกการผ่าคลอดคือ
หากนับถือเรื่องฤกษ์ ควรเป็นฤกษ์คลอดหลังอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากถ้าอายุครรภ์น้อยกว่า 38 สัปดาห์ อาจทำให้ทั้งแม่และลูกอยู่ในภาวะอันตราย ลูกไม่แข็งแรงสมบูรณ์หรือมีความเสี่ยงกับสุขภาพของคุณแม่ได้ ช่วงเวลาที่เหมาะสม การผ่าคลอดช่วงเช้าหรือช่วงกลางวันย่อมมีความปลอดภัยมากกว่าการผ่าคลอดตอนกลางคืน เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทีมแพทย์สามารถรับมือได้ทัน เนื่องจากมีบุคลากรที่พร้อมมากกว่า
หลังคลอดมีอาการอะไรที่แม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษบ้าง
หลังคลอดสิ่งที่ต้องระวังคือ
ภาวะตกเลือด ที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลคุณหมอและคุณพยาบาลจะเป็นคนดูแลคุณแม่เอง
แต่เมื่อกลับบ้านไปแล้วสิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องแผล ไม่ว่าจะแผลผ่าตัดหรือเรื่องแผลฝีเย็บที่ช่องคลอด ถ้ามีอาการปวดมากๆ มีไข้สูง หรือมีเลือดไหลเยอะ ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้คุณหมอเช็กอาการทันที
การตั้งครรภ์ไม่ใช่โรค เป็นภาวะธรรมชาติที่คุณแม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ แม้ว่าเวลา 9 เดือนจะเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน แต่ถ้าเราเครียดมากจนเกินไป ระวังทุกสิ่งอย่างจนไม่มีความสุข ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้ เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรมีความสุขกับการตั้งครรภ์ ให้คุณหมอเป็นผู้ดูแลสุขภาพร่างกาย จะดีที่สุด
เรียบเรียงโดย
รศ.นพ. นพดล สโรบล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: