ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก แบบเจาะลึกถึงระดับ DNA
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเบื้องต้นด้วยวิธี
เอชพีวี ดีเอ็นเอ (HPV DNA Test) เป็นการตรวจด้วยวิธีเจาะลึกระดับดีเอ็นเอเพื่อตรวจหาเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 14 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 16, 18 และ เอชพีวี อีก 12 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักสูงถึง 99% ของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง และทราบหรือไม่ว่าเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ 18 สองสายพันธุ์นี้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกสูงถึง 70%
จากสถิติของ GLOBOCAN 2018 มีการตรวจพบผู้ป่วยใหม่ทั่วโลกประมาณ 569,000 ราย มีผู้เสียชีวิตประมาณ 311,000 ราย หรือกว่าครึ่งจากโรคมะเร็งปากมดลูก* ในแต่ละปี ประเทศไทยพบผู้ป่วยใหม่ประมาณ 8,600 ราย และเสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 5,000 ราย
ภาพแสดง : สายพันธุ์ของเชื้อเอชพีวีที่มีความเสี่ยงสูง (high-risk HPV types)
เอชพีวี เป็น ดีเอ็นเอ ไวรัส ที่เป็นสาเหตุของ
มะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะตรวจพบได้ในเซลล์ทุกระยะของการกำเนิดโรค การติดเชื้อ เอชพีวี ส่วนใหญ่นั้นมักจะหายได้เอง และจะไม่มีอาการของโรคอะไรออกมา อย่างไรก็ตามการคงอยู่ของเชื้อ เอชพีวี ที่มีความเสี่ยงสูงจะช่วยระบุได้ว่าคุณมีความเสี่ยงหรือไม่ก่อนที่จะพัฒนาไปถึงขั้นมะเร็ง
วิธีการตรวจด้วยวิธีเอชพีวี ดีเอ็นเอ
วิธีการตรวจเหมือนกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยเซลล์วิทยาหรือแปปสเมียร์ โดยจะแตกต่างกันในกระบวนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจเอชพีวี ดีเอ็นเอ มีข้อดีอย่างไร
- การเก็บตัวอย่างด้วยวิธีดั้งเดิมอาจไม่ได้ตัวอย่างที่สมบูรณ์ สำหรับใช้หาเชื้อในกระบวนการทางห้องปฏิบัติการเพราะเป็นการตรวจหาในระดับเซลล์ ซึ่งต่างจากการตรวจเอชพีวี ดีเอ็นเอ ที่สามารถตรวจหาเชื้อในระดับดีเอ็นเอได้
- การตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีดั้งเดิม อาจเกิดความผิดพลาดขณะการอ่านผลภายในห้องปฏิบัติการได้
- สามารถตรวจหาเชื้อเอชพีวีกลุ่มเสี่ยงสูง จำนวน 14 สายพันธุ์ ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
- สามารถระบุได้ว่าเป็นการติดเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 หรือ 18
- หากผลการตรวจหาเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์กลุ่มเสี่ยงสูงเป็นปกติ คุณสามารถตรวจซ้ำในอีก 3 ปีถัดไป แต่อย่างไรก็ตามแพทย์ยังคงแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจภายในเป็นประจำทุกปีเพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิงได้
- สูตินรีแพทย์เป็นผู้ตรวจโดยการตรวจเหมือนกับตรวจภายในทั่วไป
- อาจตรวจร่วมหรือแยกกับแปปสเมียร์ก็ได้
- สามารถตรวจหาความเสี่ยงในการเกิดรอยโรคก่อนมะเร็งได้ ถึงแม้เซลล์ในปากมดลูกจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สามารถกล่าวสรุปได้ว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการตรวจหาเชื้อเอชพีวี (เอชพีวี ดีเอ็นเอ) ให้ผลที่มั่นใจกว่าวิธีดั้งเดิม และหากได้รับการตรวจคัดกรองหาเชื้อเอชพีวี การฉีดวัคซีน และการดูแลที่เหมาะสม โรคมะเร็งปากมดลูกจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้น ผู้หญิงทุกคนควรดูแลสุขอนามัย มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย รวมถึงสำรวจตัวเองอย่างสม่ำเสมอและมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นประจำทุกปีควบคู่กันไป
Reference:
*https://onlinelibrary.wiley.com/doi/pdf/10.3322/caac.21492
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: