“เพราะเห็นภาพสะท้อนผ่านกระจกแห่งชีวิตจริง จึงไม่อยากให้น้องชายของตัวเอง เจ็บปวดและทรมานจากการเป็นมะเร็งเหมือนที่ตัวเองเคยพบเจอ และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาน้องชายให้หายจากมะเร็งให้ได้” ถ้อยคำจากผู้ป่วยมะเร็งจมูก คุณ Srey Ly นักธุรกิจสาวชาวกัมพูชา ที่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับครอบครัวของเธอ เพราะนอกจากที่เธอจะตรวจพบเจอมะเร็งแล้ว น้องชายของเธอก็เดินรอยตามกับภัยร้ายนี้ด้วยเช่นกัน
 
เรื่องราวเริ่มต้นของคุณ Srey Ly เริ่มจากเมื่อกลางปี 2014 เธอรู้สึกว่าร่างกายมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จึงเดินทางไปตรวจที่ประเทศเวียดนาม เพราะตอนนั้นเธอยังมีข้อมูลไม่เยอะพอ ทั้งยังคุ้นเคยกับประเทศเวียดนาม จึงตัดสินใจไปตรวจร่างกายที่นั่น โดยอาการเริ่มแรกพบว่าต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมาจึงตรวจพบเนื้อร้ายขนาด 2.8 เซนติเมตร บริเวณโพรงจมูก แต่ยังไม่ตัดสินใจรักษาในทันที
 
เพื่อนของเธอเคยพูดถึงการรักษามะเร็งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากนั้นเธอเริ่มที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม หาช่องทางการรักษาที่ดีที่สุด เพราะความกังวลว่าการป่วยครั้งนี้ จะกระทบต่อครอบครัวของเธอ ทั้งบทบาทคุณแม่ลูกน้อยของเธอ บทบาทพี่สาวที่ต้องดูแลน้องชาย รวมทั้งบทบาทการเป็นเสาหลักในการหารายได้เพื่อดูแลคนทุกคนในครอบครัว ซึ่งเธอก็ได้พบกับคำตอบที่ทำให้เชื่อมั่นในการรักษา จึงตัดสินใจมารักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประเทศไทย
 

รูปแบบการรักษา ทั้งการฉายแสงและเคมีบำบัด

“ครั้งแรกที่เริ่มสู่กระบวนการรักษา ตอนนั้นได้พบกับนายแพทย์วิชพันธ์ เหมรัญช์โรจน์ ที่ศูนย์หู คอ จมูก (ENT Center) คุณหมอได้ให้ Biopsy และก็รอผลตรวจประมาณ 5 วัน ซึ่งเมื่อได้ผลแล้ว ก็พบว่าตนเองนั้นมีเนื้อร้ายมะเร็งที่โพรงจมูกจริง จึงส่งต่อเคสให้กับนายแพทย์อภิชาต พานิชชีวลักษณ์, ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาและรังสีรักษา ที่ดูแลเรื่องรังสีรักษา และเริ่มการรักษาอย่างเต็มรูปแบบ”
 
แต่เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้ ต้องรักษาร่วมกันทั้งการให้รังสีรักษาควบคู่ไปกับการให้เคมีบำบัด (Concurrent Chemo Radiation) เลยนำเคสนี้ไปปรึกษานายแพทย์ สุรสิทธิ์ อิสสระชัย, อายุรแพทย์ด้านมะเร็งวิทยา ดูแลเรื่องการให้ยา ซึ่งทางการแพทย์นับว่ามะเร็งหลังโพรงจมูกเป็นมะเร็งที่มีโอกาสรักษาหายสูงมาก แต่การรักษาก็ยากลำบากมากเช่นกัน เพราะผู้ป่วยจะทรมานจากอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะกรณีของคุณ Srey Ly ที่ต้องทำรังสีรักษาสัปดาห์ละ 5 วันตลอดการรักษา
 
“มะเร็งที่ตัวเองเป็นนั้นต้องรักษาด้วยการฉายแสงควบคู่ไปกับการให้เคมีบำบัด ซึ่งก็รู้สึกประทับใจมาก เพราะการฉายแสงที่ต้องทำนั้น ฉายแสงไปทั้งหมด 35 ครั้ง แต่ก็มีคุณหมอที่ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา คุณอภิชาต ได้ให้คำแนะนำที่ดีมาก มีบางช่วงเหมือนกันนะที่ทรมานมากจากการฉายแสง กินน้ำแทบไม่ได้ มันเจ็บไปหมด แต่ก็ต้องสู้ อาจารย์หมอ ก็สั่งจ่ายยาเพื่อลดความเจ็บปวดในการกลืนอาหาร และทำให้ทานอาหารให้ได้มากสุด พร้อมที่จะรักษามากที่สุด ที่สำคัญคอยอยู่ให้กำลังใจและให้ความมั่นใจกับดิฉัน ไปตลอดช่วงการรักษากว่า 7 สัปดาห์เลย รู้สึกดีมากๆ”
 

เหตุการณ์ดีที่พลิกผัน จากพี่สาวสู่น้องชาย

“ดิฉันรู้สึกชื่นชมคุณหมอทั้ง 3 ท่านในช่วงการรักษามากๆ เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจ มีแรงจะก้าวต่อไปทั้งเพื่อลูก เพื่อน้องชาย และเพื่อครอบครัว” การรักษาของคุณ Srey Ly ผ่านไปได้ด้วยดี จนเมื่อเธอได้สังเกตเห็นความผิดปกติของน้องชาย ภาพต่างๆสะท้อนกลับมาหมด ทั้งเรื่องของอาการต่อมน้ำเหลืองโต จนถึงการตรวจพบเนื้อร้ายที่จมูกของน้องชายของเธอ
 
“ตอนนั้นที่ฉันพาน้องชายมาตรวจ ก็ทำให้ฉันรู้ว่า ทุกอย่างนั้นช่างเหมือนกับเหตุการณ์ของเธอเลย ทั้งเรื่องต่อมน้ำเหลืองโตเหมือนกัน เรื่องเนื้อร้ายที่จมูกตำแหน่งเดียวกัน และแน่นอนว่าขั้นตอนการรักษา แม้แต่สูตรยาที่คุณหมอแนะนำก็เหมือนช่วงที่ดิฉันป่วยและต้องรักษาเลย” เธอเล่าด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจเล็กน้อย “ฉันรู้ได้ทันทีว่า น้องชายคงต้องผ่านช่วงทรมานในการรักษาทั้งฉายแสงและการให้เคมีบำบัดอย่างแน่นอน จึงได้ให้กำลังใจน้องชายมาก ๆ และพยายามสนับสนุนการรักษาในทุกๆ ด้านอย่างสุดความสามารถที่สุด เมื่อฉันหายได้ น้องก็ต้องหายได้เช่นกัน”
 

หากว่าเหตุการณ์ซ้ำรอยจนทำให้ลูกของตัวเองเป็นมะเร็งจะทำอย่างไร

“แน่นอนว่าอะไรจะเกิด คงต้องเกิด เราจะไปแก้ไขไม่ให้มันเกิดไม่ได้ ก็ต้องสู้ต่อไป ก้าวต่อไป ถ้าหากลูกของตัวเองต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบเธอ ก็จะทำทุกอย่างให้หาย และยังมั่นใจในการรักษาที่ดีมาก ความเอาใจใส่ผู้ป่วยทุกๆองค์ประกอบ ของศูนย์ Horizon Cancer Center อยู่เสมอ จึงมั่นใจว่าอะไรจะเกิดก็สามารถรับมือได้ แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นก็คงจะดีที่สุด” เธอกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม