โรคหัวใจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลกทุก ๆ วันมีคนไทยเสียชีวิตด้วยสาเหตุอันเนื่องมาจากความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจมากถึง 236 คน หรือกว่า 85,000 คนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีเมื่อเอ่ยถึงคำว่า “โรคหัวใจ” หลายคนมักเข้าใจกันแต่ว่าเป็นโรคที่เกิดกับหัวใจ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนในรายละเอียดอาจไม่ทราบแม้จะเป็นโรคซึ่งจัดว่าร้ายแรงโรคหนึ่งคำว่า
“โรคหัวใจ” ที่เรารู้จักกันนั้น เป็นคำที่มีความหมายกว้าง ดังนั้นเพื่อทำความรู้จักกับ “หัวใจ” ให้ดีกว่าเดิม Better Health ฉบับนี้ถ่ายทอดคำอธิบายจาก
นพ. วัธนพล พิพัฒน์นันท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจมาให้คุณได้อ่านกัน
กายวิภาคของหัวใจ
“ตำแหน่งของหัวใจนั้นอยู่ตรงกลางระหว่างปอดทั้งสองข้าง แต่จะค่อนมาทางซ้ายเล็กน้อย” นพ.วัธนพลอธิบาย “หัวใจประกอบขึ้นจากกลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำงานอย่างอิสระ ห่อหุ้มไว้ด้วยเยื่อบาง ๆ มีน้ำหนักโดยรวมประมาณ 200 ถึง 425 กรัม ในวันหนึ่ง ๆ หัวใจบีบตัวประมาณ 100,000 ครั้งเพื่อส่งเลือดดำไปฟอกยังปอด และส่งเลือดแดงไปหล่อเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำงานอยู่อย่างนี้ตลอดไม่มีวันพัก”
ส่วนประกอบของหัวใจตามลักษณะกายวิภาคที่สำคัญนั้นประกอบไปด้วย
- เยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardium) มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ ห่อหุ้มหัวใจไว้
- หลอดเลือดหัวใจ (Coronary arteries) อยู่ภายนอกเยื่อหุ้มหัวใจ มีกิ่งก้านแตกแขนงส่งเลือดไปเลี้ยงยังกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจหลักมี 2 เส้นด้วยกัน คือ หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจด้านขวาและหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจด้านซ้าย
- กล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac muscle) ทำหน้าที่ส่งเลือดไปยังระบบไหลเวียนโลหิตโดยการหดตัว เกิดเป็นแรงดันให้เลือดไหลเวียนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจมีความสำคัญมาก เพราะหากเกิดความผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งกับกล้ามเนื้อหัวใจ อาทิ บีบตัว คลายตัวผิดปกติ มีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ หรือขาดเลือด จะกลายเป็นปัญหาที่สำคัญตามมา
- ผนังกั้นห้องหัวใจ และลิ้นหัวใจ (Endocardium and cardiac valve) มีลักษณะเป็นแผ่นบางบุผนังด้านในของหัวใจ เป็นตัวแบ่งให้หัวใจ มี 4 ห้องรวมทั้งเป็นส่วนของลิ้นหัวใจ
นอกจากการทำงานที่ไม่เคยหยุดตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ส่วนประกอบที่พิเศษอีกประการหนึ่งของหัวใจได้แก่ ระบบไฟฟ้าของหัวใจ “การที่หัวใจสามารถบีบตัว หรือคลายตัวได้อย่างอิสระนั้น เป็นเพราะหัวใจสร้างกระแสไฟฟ้าได้เองแล้วส่งกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ภายในห้องทั้งสี่ ไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหัวใจเกิดการบีบตัวอย่างเป็นจังหวะเพื่อส่งเลือดเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตนั่นเอง” นพ.วัธนพล อธิบาย
ความผิดปกติที่เกิดจากส่วนประกอบของใด ๆ ของหัวใจ อาจกลายเป็นสาเหตุให้หัวใจทำงานอย่างผิดปกติได้ คำว่าโรคหัวใจนั้นสามารถแยกย่อยออกไปได้อีกหลายประการตามแต่สาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหัวใจ
ประเภทของโรคหัวใจ
นพ.วัธนพลกล่าวว่าโรคหัวใจมีทั้งชนิดที่เป็นตั้งแต่กำเนิด และเกิดขึ้นภายหลังซึ่งจะมีความรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันไป เราอาจ แบ่งกลุ่มของโรคหัวใจเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดังนี้
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (Congenital heart disease) เกิดจากความผิดปกติของเซลล์หัวใจของทารกในครรภ์มารดา อันอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสและการได้ รับสารเคมีหรือยาบางชนิดระหว่างการตั้งครรภ์ ส่งผลให้เกิดความพิการขึ้นในส่วนต่าง ๆ ของหัวใจ เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจ หรือลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
- โรคลิ้นหัวใจรูห์มาติค (Rheumatic heart disease) มักเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อคออักเสบเรื้อรัง จนทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้น แต่ภูมิต้านทานนี้กลับทำให้เกิดการอักเสบที่อวัยวะหลายระบบ ซึ่งรวมถึงการเสื่อมและการอักเสบของลิ้นหัวใจด้วย
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือ โรคหัวใจจากความดันโลหิตสูง (Heart muscle (hypertensive) disease) เกิดกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น จนเป็นผลให้กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
- โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือ โรคหัวใจขาดเลือด (Coronary artery disease (atherosclerosis))เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการสะสมตัวของไขมันจนอุดตันในเส้นเลือด ส่งผลให้เส้นเลือดไม่สามารถนำเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจได้ตามปกติ
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardial heart disease) มักเกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มหัวใจที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือวัณโรค ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้หายได้ ยกเว้นกรณีที่มีสาเหตุมาจากการแพร่กระจายของมะเร็งมายังเยื่อหุ้มหัวใจ
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Cardiac arrhythmia) สาเหตุของโรคนี้เกิดจากระบบไฟฟ้าในหัวใจทำงานผิดปกติ เช่น มีจุดกำเนิดไฟฟ้าแปลกปลอม หรือมีวงจรไฟฟ้าผิดปกติ โดยปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการ ได้แก่ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความเครียดและวิตกกังวล แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน รวมไปถึงยาบางชนิด
- การติดเชื้อที่หัวใจ (Heart infection) มักเป็นการติดเชื้อภายในหัวใจที่มีความผิดปกติอยู่แล้ว เมื่อมีการติดเชื้อในร่างกายขึ้น เช่น เป็นฝี หนอง หรือฟันผุ เชื้อโรคจะผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปยังบริเวณหัวใจที่มีความผิดปกติจนทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้น มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทาน ในร่างกายต่ำหรือผู้ที่ติดยาเสพติดชนิดฉีด
- มะเร็งที่หัวใจ (Heart cancer) แม้ว่าโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยตรวจพบเนื้องอกที่หัวใจ แต่มะเร็งที่หัวใจส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการลุกลามของเซลล์มะเร็งจากอวัยวะข้างเคียงมาสู่หัวใจ เช่น มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม
ใจดวงนี้ ต้องดูแล
แม้คุณจะทำอะไรได้ไม่มากนักสำหรับ
ความผิดปกติของหัวใจที่มีมาแต่กำเนิด แต่สำหรับโรคหัวใจชนิดอื่น ๆ นั้น เป็นเรื่องที่อาจป้องกันได้
“สุขภาพของหัวใจเป็นเรื่องที่คุณดูแลได้ เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผ่อนคลายความเครียด และเลิกสูบบุหรี่ ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นประโยชน์ในแง่ที่ว่า สามารถลดปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหัวใจ อาทิ ความดัน
เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ลงไปได้มากทีเดียว” นพ.วัธนพล กล่าวปิดท้าย
คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจหรือไม่ ลองทดสอบดู
- เป็นชายอายุมากกว่า 45 ปี หรือ หญิงอายุมากกว่า 55 ปี (ใช่/ไม่ใช่)
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ หรือหลอดเลือด (ใช่/ไม่ใช่)
- สูบบุหรี่เป็นประจำ (ใช่/ไม่ใช่)
- ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ใช่/ไม่ใช่)
- มีน้ำหนักตัวมาก (ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30) (ใช่/ไม่ใช่)
- มีระดับคอเลสเตอรอลสูงกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (ใช่/ไม่ใช่)
- มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงเกินกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (ใช่/ไม่ใช่)
- มีความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท (ใช่/ไม่ใช่)
- มักจะเครียดและวิตกกังวล หรืออารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เสมอ (ใช่/ไม่ใช่)
- ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และฟาสต์ฟู้ด (ใช่/ไม่ใช่)
- ไม่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา (ใช่/ไม่ใช่)
หากคุณตอบว่าใช่ 2 ข้อหรือมากกว่า แสดงว่าคุณเป็นผู้หนึ่งที่กำลังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และควรไปพบ
แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ พร้อมฟังคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันตัวเองจากโรคหัวใจต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 29 มีนาคม 2565