โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยมากเกิดจากถูกสัตว์กัดหรือข่วน โดยเชื้อไวรัสสามารถแพร่ได้จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว หมาป่า เป็นต้น หลังได้รับเชื้อมักไม่ปรากฏอาการใดๆ อาการมักเกิดหลังจากถูกกัดประมาณ 7 วันหรือเป็นเดือน ตัวอย่างอาการที่เกิด ได้แก่ ปวด อ่อนเพลีย มีไข้ ปวดศีรษะ หงุดหงิด กระวนกระวาย และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ประเภทของการฉีดวัคซีนมี 2 วัตถุประสงค์ คือ
1. ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค (ยังไม่ได้สัมผัสสัตว์หรือถูกสัตว์กัด)
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกสัตว์กัด เช่น สัตวแพทย์ บุรุษไปรษณีย์ หรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้า
- อาจจำเป็นบางกรณี เช่น ผู้ที่มีกิจกรรมกับสัตว์ที่เสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า หรือผู้ที่จะเดินทางในพื้นที่ที่พบโรคพิษสุนัขบ้า
- ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือในผิวหนังจำนวนทั้งหมด 3 เข็ม
เข็มที่ 1
|
เข็มที่ 2
|
เข็มที่ 3
|
วันที่ต้องการฉีด
|
หลังจากเข็มแรก 7 วัน
|
หลังจากเข็มแรก 21-28 วัน
|
2. ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหลังสัมผัสหรือถูกสัตว์กัด
ล้างบาดแผลให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำทันทีหลังถูกสัตว์กัด และรีบไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการฉีดวัคซีน
- กรณีไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 4 เข็ม หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังจำนวน 3 เข็ม และพิจารณาการฉีดอิมมูโนโกลบูลินร่วมด้วย
วิธีการฉีด
|
เข็มที่ 1
|
เข็มที่ 2
|
เข็มที่ 3
|
เข็มที่ 4
|
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
|
วันแรกที่มาโรงพยาบาล
|
หลังจากเข็มแรก 3 วัน
|
หลังจากเข็มแรก 7 วัน
|
หลังจากเข็มแรก
14-28 วัน
|
ฉีดเข้าในผิวหนัง
|
วันแรกที่มาโรงพยาบาล
|
หลังจากเข็มแรก 3 วัน
|
หลังจากเข็มแรก 7 วัน
|
-
|
นอกจากนี้แนวทางการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้ออาจพิจารณาให้จำนวน 5 เข็ม ในวันที่ 0, 3, 7, 14 และ 28 หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังจำนวน 4 เข็ม ในวันที่ 0, 3, 7 และ 28 ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
- กรณีที่เคยรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรค หรือรับวัคซีนหลังสัมผัสโรคมาก่อน แล้วถูกสัมผัสหรือถูกสัตว์กัด แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อหรือฉีดเข้าในผิวหนัง จำนวน 1-2 เข็ม ขึ้นกับระยะเวลาที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายจนมาสัมผัสโรค โดยไม่จำเป็นต้องฉีดอิมมูโนโกลบูลินร่วมด้วย
ระยะเวลาที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายจนมาสัมผัสโรค
|
เข็มที่ 1
|
เข็มที่ 2
|
สัมผัสโรคภายใน 6 เดือน
|
วันแรกที่มาโรงพยาบาล
|
-
|
สัมผัสโรคหลังจาก 6 เดือนขึ้นไป
|
วันแรกที่มาโรงพยาบาล
|
หลังจากเข็มแรก 3 วัน
|
ทั้งนี้ควรมารับวัคซีนตรงตามกำหนดนัดตามสูตรการฉีดวัคซีน ในกรณีที่ไม่สามารถมาตามนัดแนะนำให้ปรึกษาและปฏิบัติตามคำแนะคำของแพทย์
ข้อควรแจ้งแพทย์ทราบก่อนฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
- ผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้อย่างรุนแรงในการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
- ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็งหรือได้รับรังสีรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (เช่น ยา
สเตียรอยด์)
อาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ระดับความรุนแรง
|
อาการไม่พึงประสงค์
|
อาการไม่รุนแรงและพบได้บ่อย
|
ปวด บวม คันบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ เวียนศีรษะ
|
อาการปานกลาง
|
ลมพิษ ปวดข้อ มีไข้ (พบ 6% ในการฉีดเข็มกระตุ้น)
|
อาการรุนแรง (พบได้น้อยมาก)
|
ไข้สูง หายใจลำบาก หายใจมีเสียงวี้ด โดยเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่นาทีถึง
2-3 ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีน หากพบอาการเหล่านี้ควรแจ้งแพทย์หรือพาผู้ป่วยมาพบแพทย์ทันที
|
อันตรกิริยาระหว่างยา (ผลต่อยาอื่น)
ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของวัคซีนได้ เช่น Belimumab, Fingolimod และยากดภูมิบางชนิด
เอกสารอ้างอิง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 13 มีนาคม 2568