โรคโปลิโอ เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ “โปลิโอ” สามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายทางปากผ่านเข้าไปสู่ลำไส้ของผู้ติดเชื้อ โดยเชื้อสามารถติดมากับมือหรือปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม แม้ว่าบางครั้งผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการแสดงของโรคแต่ก็สามารถแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้ และหากไม่มีภูมิต้านทานต่อโรคนี้แล้ว อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่สามารถขยับแขนขาได้ (paralysis) บางครั้งในรายที่มีความรุนแรงมากอาจก่อให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) หรืออาจเกิดอัมพาตของระบบหายใจทำให้เสียชีวิตได้
ประเภทของวัคซีน
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดฉีด (Inactivated Polio Vaccine: IPV) และชนิดรับประทาน (Oral Polio Vaccine: OPV) วัคซีนทั้งสองชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดการป้องกันโรคได้เทียบเท่ากัน แม้ว่าวัคซีนชนิดรับประทานนั้นจะช่วยป้องกันการระบาดของโรคได้ แต่พบว่าวัคซีนชนิดรับประทานอาจก่อให้เกิดโรคโปลิโอจากการได้รับวัคซีนได้ 1 รายจาก 2.4 ล้านราย ในขณะที่วัคซีนชนิดฉีดจะไม่ก่อให้เกิดโรคโปลิโอจากการได้รับวัคซีน วัคซีนชนิดฉีด (Inactivated Polio Vaccine: IPV) ที่มีจำหน่ายมีทั้งชนิดที่เป็นวัคซีนชนิดเดียวและส่วนมากอยู่ในรูปวัคซีนรวมกับวัคซีนชนิดอื่น เช่น วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก
ใครควรได้รับวัคซีนและอายุที่ควรรับวัคซีน
- เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนโปลิโอ การให้วัคซีนสามารถให้ได้ทั้งชนิดฉีดหรือชนิดรับประทาน และสามารถใช้แทนกันได้ โดยควรได้รับวัคซีน 4-5 ครั้ง ดังตาราง
ชนิดของวัคซีน
|
อายุของเด็กผู้รับวัคซีน
|
2 เดือน
|
4 เดือน
|
6 เดือน
|
18 เดือน
|
4-6 ปี
|
ชนิดรับประทาน (Oral Polio Vaccine: OPV)
|
ครั้งที่ 1
|
ครั้งที่ 2
(OPV+IPV)
|
ครั้งที่ 3
|
ครั้งที่ 4
|
ครั้งที่ 5
|
ชนิดฉีด (Inactivated Polio Vaccine: IPV)
|
ครั้งที่ 1
|
ครั้งที่ 2
|
ครั้งที่ 3
|
ครั้งที่ 4
|
กรณีได้รับวัคซีนชนิดฉีดชนิดรวมอาจได้รับวัคซีนครั้งที่ 4 เมื่ออายุ 18 เดือน และครั้งที่ 5 เมื่ออายุ 4-6 ปี
|
Sequential regimen
|
ครั้งที่ 1: IPV
|
ครั้งที่ 2: IPV
|
ครั้งที่ 3: OPV
|
ครั้งที่ 4: OPV
|
ครั้งที่ 5: OPV
|
หมายเหตุ: เด็กควรได้รับวัคซีนชนิดฉีดอย่างน้อย 1 เข็มในช่วง 2 ครั้งแรก
- ผู้ใหญ่ โดยปกติเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไปไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันโปลิโอ ยกเว้นกรณีที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค เช่น
- ต้องเดินทางไปประเทศที่ยังมีการระบาดของโรคโปลิโออยู่
- ทำงานในห้องปฏิบัติการที่อาจได้รับเชื้อไวรัสนี้
- ทำงานดูแลผู้ป่วยที่ติดโรคโปลิโอ หรือต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดโรคโปลิโอ
- โดยผู้ใหญ่ใน 3 กลุ่มดังกล่าวข้างต้นควรพิจารณาการให้วัคซีนดังตาราง
ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคโปลิโอ
|
กำหนดการฉีดวัคซีนชนิดฉีด
|
ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
|
3 เข็ม
|
สองเข็มแรกห่างกัน 1-2 เดือน
เข็มที่สามหลังจากเข็มที่สองไปอีก 6-12 เดือน
|
เคยได้รับมาแล้ว 1 หรือ 2 เข็ม
|
1 หรือ 2 เข็ม
|
ควรได้รับอีก 1 หรือ 2 เข็มที่เหลือ (ไม่ต้องสนใจถึงระยะเวลาจากเข็มที่ได้รับมาก่อนหน้านี้)
|
เคยได้รับมาแล้วมากกว่าหรือเท่ากับ 3 เข็ม
|
1 เข็ม
|
ควรได้รับเข็มกระตุ้นอีก 1 เข็ม
|
ใครไม่ควรได้รับวัคซีนหรือควรรอไปก่อน
- ไม่ควรได้รับวัคซีนชนิดรับประทานในกรณีดังนี้
- ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้อย่างรุนแรงหลังได้รับวัคซีนชนิดรับประทานครั้งแรก หรือมีประวัติแพ้อย่างรุนแรงต่อยาปฏิชีวนะบางชนิด (erythromycin, neomycin, streptomycin หรือ polymyxin B)
- กำลังรับประทานยาสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องหรือรับประทานยาที่มีผลกดภูมิคุ้มกัน
- เป็นมะเร็งหรือกำลังได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด (chemotherapy)
- เด็กที่มีผู้ดูแลเป็นผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอมาก่อน กรณีนี้ให้ใช้วัคซีนชนิดฉีด (Inactivated Polio Vaccine: IPV) แทน
หมายเหตุ: สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) แนะนำให้ใช้ bOPV (Bivalent Oral Polio Vaccine) ได้เหมือนเด็กปกติไม่ว่าจะมีอาการของโรคเอดส์หรือไม่ก็ตาม
- ไม่ควรได้รับวัคซีนชนิดฉีดในกรณีดังนี้
- มีประวัติแพ้อย่างรุนแรงต่อยาปฏิชีวนะบางชนิด (neomycin, streptomycin หรือ polymyxin B) หรือแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนโปลิโอแบบฉีด
- หากกำลังป่วย/ไม่สบาย ควรเลื่อนนัดการได้รับวัคซีนไปก่อนจนกว่าอาการจะดีขึ้น ยกเว้นกรณีไม่สบายเล็กน้อย เช่น เป็นหวัดธรรมดา ก็สามารถรับวัคซีนได้
หมายเหตุ: สำหรับผู้ป่วยตั้งครรภ์จะไม่แนะนำให้รับวัคซีนชนิดรับประทาน แต่หากมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส สามารถรับวัคซีนชนิดฉีดได้
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดจากรับวัคซีนป้องกันโปลิโอ
อาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ้าง ไม่รุนแรงถึงปานกลาง
|
- วัคซีนชนิดฉีดอาจมีจุดบวมหรือปวดบริเวณที่ฉีดได้
- ร้องโยเย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ไข้ (พบได้ในรูปแบบยาฉีด)
|
อาการไม่พึงประสงค์รุนแรง พบได้น้อย (หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์)
|
- ไข้สูง ชัก
- แพ้วัคซีนที่รุนแรง เช่น หายใจมีเสียงดังวี้ด หัวใจเต้นเร็ว ลมพิษ เวียนศีรษะ ตัวซีด หรือคอบวม
- อาการของโรคโปลิโอ เช่น อัมพาต ปวดกล้ามเนื้ออย่างมากหรือกล้ามเนื้อตึงเกร็ง อ่อนแรง หรือแขน/ขาขยับไม่ได้ โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือนหลังได้รับวัคซีน (พบ 1 ใน 2.4 ล้านโด๊ส) ที่ได้รับวัคซีนชนิดรับประทาน
|
อันตรกิริยาระหว่างยา
ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น steroids, azathioprine, methotrexate, cyclosporine มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยกดภูมิคุ้มกันทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากวัคซีนชนิดรับประทานได้หากได้รับอยู่ขณะได้รับวัคซีน นอกจากนี้ยากดภูมิคุ้มกันอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรค ดังนั้นผู้ที่รับประทานยาในกลุ่มนี้หรือกลุ่มอื่นๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนที่จะรับการฉีดวัคซีน
การเก็บรักษา
วัคซีนชนิดรับประทาน (Oral Polio Vaccine: OPV)
- ถ้าเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส จะหมดอายุภายใน 2 ปี
- ถ้าเก็บที่อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส จะหมดอายุภายใน 6 เดือน
** หาก indicator ข้างผลิตภัณฑ์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเท่ากันทั้งแผ่น ต้องทิ้งแม้ยังไม่หมดอายุยา **
วัคซีนชนิดฉีด (Inactivated Polio Vaccine: IPV)
- เก็บในตู้เย็นอุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส ห้ามเก็บในช่องแช่แข็ง
เอกสารอ้างอิง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2568