โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (varicella-zoster virus) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกันกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคสุกใส เมื่อผู้ป่วยหายจากโรคสุกใสแล้ว เชื้อไวรัสจะค่อยๆ เคลื่อนตัวตามแนวเส้นประสาทเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย แต่เมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานลดลง เช่น อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ สูงอายุ เชื้อไวรัสที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัว ทำให้กำเริบและก่อให้เกิดโรคงูสวัดขึ้นมาได้
อาการของโรคงูสวัด
ผู้ป่วยโรคงูสวัดจะมีผื่นแดงหรือตุ่มนูนขึ้นตามตัว โดยทั่วไปมักปรากฏที่ข้างหนึ่งของหน้าหรือร่างกาย เรียงเป็นกลุ่มหรือเป็นแถวยาวตามแนวของเส้นประสาท จากนั้นตุ่มนูนจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสและแตกออกจนตกสะเก็ดในที่สุด รวมถึงในบางรายอาจมีอาการไข้ อ่อนเพลียร่วมด้วยได้
นอกเหนือจากผื่นหรือตุ่มแล้ว อาการที่เด่นชัดของโรคงูสวัด คือ อาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนังตามแนวเส้นประสาท โดยบางรายอาจปวดเหมือนไฟช็อต ในขณะที่บางรายเพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็มีอาการปวดแล้ว โดยอาการปวดอาจนำมาก่อนที่จะมีตุ่มขึ้นก็ได้
สำหรับผู้ป่วยบางราย หลังจากที่ผื่นหายไปแล้ว อาการปวดตามแนวเส้นประสาทอาจยังคงอยู่ อาการปวดที่ยาวนานนี้เรียกว่าอาการปวดเส้นประสาทหลังจากติดเชื้อโรคงูสวัด (postherpetic neuralgia หรือ PHN)
ทำไมจึงควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
ผู้สูงอายุมีโอกาสในการติดเชื้อโรคงูสวัดและมีอาการปวดเส้นประสาทหลังจากติดเชื้อได้มากขึ้น การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและอาการปวดตามแนวเส้นประสาท ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 2 ชนิดคือ
SKYZoster®
|
Shingrix®
|
เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ที่เตรียมจากเชื้อไวรัสที่มีชีวิตแต่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง (live-attenuated vaccine) ฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ฉีดเพียง 1 เข็ม (ขนาด 0.5 มิลลิลิตร) เข้าใต้ผิวหนัง
|
เป็นวัคซีนชนิดหน่วยย่อยรีคอมบิแนนท์ ฉีด 2 เข็ม (ขนาด 0.5 มิลลิลิตร) เข้าชั้นกล้ามเนื้อบริเวณแขนส่วนบน โดยมีระยะห่าง 2 ถึง 6 เดือนจากเข็มแรก แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดเข็มที่สอง 1 เดือนจากเข็มแรกในบางรายที่มีความจำเป็นทางคลินิกภายใต้การพิจารณาของแพทย์
|
ข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน
|
· ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50-59 ปี สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้ร้อยละ 69.8 และป้องกันการเกิดอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด ได้ร้อยละ 66.5
· ในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป วัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยละ 51 และป้องกันการเกิดอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดได้
ร้อยละ 39
|
· ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดและอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดได้มากกว่าร้อยละ 90
· ในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคหรือการรักษา โดยวัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดในคนกลุ่มนี้ได้
ร้อยละ 68-91
|
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไม่ได้หมายความถึงจะไม่ทำให้เป็นโรคงูสวัดเลย แต่สามารถลดอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหรือหากเกิดโรคก็อาจช่วยลดความรุนแรงของอาการได้
ใครควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
SKYZoster®
|
Shingrix®
|
- ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปทุกคน
|
- ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปทุกคน
- ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคนที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคงูสวัด
|
ใครไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
SKYZoster®
|
Shingrix®
|
- ผู้ที่มีประวัติแพ้อย่างรุนแรงต่อวัคซีนหรือส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคซีนรวมถึงเจลาตินและยานีโอมัยซิน
- หญิงตั้งครรภ์หรืออาจจะตั้งครรภ์ หลังได้รับวัคซีนแล้วควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
- ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องทั้งที่เป็นแต่กำเนิดหรือเป็นภายหลัง เช่น ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และโรคอื่นๆ ที่มีผลต่อการทำงานของไขกระดูกและระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน ยาเคมีบำบัด หรือยาสเตียรอยด์ขนาดสูง
- ผู้ที่กำลังเป็นโรคงูสวัด
- ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยปานกลางหรือรุนแรงทั้งที่มีไข้หรือไม่มีไข้ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไป
|
- ผู้ที่มีประวัติแพ้อย่างรุนแรงต่อวัคซีนหรือส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคซีน
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่กำลังเป็นโรคงูสวัด
- ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยปานกลางหรือรุนแรงทั้งที่มีไข้หรือไม่มีไข้ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไป
|
อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
อาการไม่พึงประสงค์บริเวณที่ฉีด
|
ปวด บวม แดง คัน ตุ่มแข็งบริเวณที่ฉีด
|
อาการไม่พึงประสงค์ทั่วร่างกาย
|
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนล้า ปวดศีรษะ ท้องเสีย อาเจียน ไข้
|
อาการไม่พึงประสงค์รุนแรง
|
- อาการบวมบริเวณแขน ขา ใบหน้า ดวงตา ด้านในจมูก ปาก หรือลำคอ
- อาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หรือกลืนลำบาก
- อาการลมพิษ คัน (โดยเฉพาะบริเวณมือและเท้า) ผิวแดง (โดยเฉพาะบริเวณใบหู) หรือผื่นผิวหนังรุนแรง
- อาการเหนื่อยผิดปกติ อ่อนแรง หรืออัมพาตที่เป็นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง
|
อันตรกิริยาระหว่างยา (ผลต่อยาอื่น)
วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดสามารถฉีดพร้อมวัคซีนตัวอื่นโดยฉีดคนละที่ได้ทั้งชนิดเชื้อตายและวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ที่แนะนำตามช่วงอายุถ้าไม่มีข้อห้ามใช้ เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 05 มีนาคม 2568