bih.button.backtotop.text

วัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง

โรคไข้เหลือง (Yellow Fever) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้ออาร์โบไวรัส (arbovirus) หรือเชื้อไวรัสไข้เหลือง พบมากในแถบประเทศแอฟริกาและอเมริกาใต้ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค โรคนี้ไม่สามารถติดต่อได้โดยการสัมผัส การวินิจฉัยของโรคอาศัยการตรวจหาแอนติบอดี (antibody) ต่อเชื้อไวรัสในเลือด
  • มีระยะฟักตัว 3-6 วัน ผู้ป่วยมักมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้หรืออาเจียน ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 3-4 วัน 
  • ผู้ป่วยบางรายอาจเข้าสู่ระยะที่ 2 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากอาการดีขึ้นในระยะแรก คือกลับมามีอาการไข้สูง และมีอาการผิดปกติในหลายๆ ระบบของร่างกาย เช่น การทำงานของตับหรือไตผิดปกติ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม ปวดท้องร่วมกับอาเจียน อาจมีเลือดออกจากปาก จมูก ตา หรือกระเพาะอาหาร โดยร้อยละ 50 ของผู้ป่วยที่เข้าสู่ระยะที่ 2 นี้จะเสียชีวิตภายใน 7-10 วัน
  • ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนหรือหาวิธีป้องกันไม่ให้ยุงกัด
 

วัคซีนป้องกันไข้เหลือง

วัคซีนไข้เหลืองเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลสูง ทำมาจากเชื้อไวรัสไข้เหลืองที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ซึ่งการฉีดเพียงครั้งเดียวสามารถให้ภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนกระตุ้นอีก ร้อยละ 
80-100 ของผู้ที่ได้รับวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันโรคภายใน 10 วัน และร้อยละ 99 จะมีภูมิคุ้มกันโรคภายใน 30 วัน ดังนั้นจึงควรฉีดวัคซีนล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันก่อนออกเดินทางไปยังประเทศที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสไข้เหลือง



ใครที่ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้เหลือง

  • ผู้ที่มีอายุ 9 เดือนถึง 59 ปีทุกรายที่จะเดินทางไปหรืออาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาหรืออเมริกาใต้ ซึ่งที่เป็นพื้นที่เสี่ยงของโรค
  • ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสไวรัสไข้เหลือง



ผู้ที่ไม่ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้เหลือง

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อไข่หรือโปรตีนจากไข่ (เนื่องจากวัคซีนผลิตจาก chicken embryo) หรือส่วนประกอบอื่นๆ ของวัคซีน เช่น เจลาติน หรือมีประวัติแพ้วัคซีนไข้เหลืองมาก่อน 
  • เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน (เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองอักเสบ)
  • ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี (เนื่องจากพบอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้มากกว่าคนอายุน้อย) 
  • ทารกอายุ 6-9 เดือน ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และหญิงที่ให้นมบุตร ควรระมัดระวังในการใช้วัคซีนนี้ หากจะเดินทางเข้าไปในเขตติดโรคที่กำลังมีการระบาดและหลีกเลี่ยงการเดินทางไม่ได้ และไม่แน่ใจว่าการป้องกันยุงกัดในพื้นที่นั้นๆ จะได้ผล จึงพิจารณาให้วัคซีน



บุคคลต่อไปนี้หากมีความจำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกันไข้เหลืองควรปรึกษาแพทย์

  • ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV/AIDS) 
  • ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาเคมีบำบัด
  • ผู้ป่วยที่ต่อมไทมัสถูกตัดออกไป หรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของต่อมไทมัส 
  • ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย เช่น ไข้หวัด อาจรับการฉีดวัคซีนไข้เหลืองได้ แต่ผู้ที่เจ็บป่วยปานกลางถึงรุนแรงควรรอให้ หายจากอาการเจ็บป่วยเสียก่อนที่จะรับการฉีดวัคซีนไข้เหลือง 



อาการไม่พึงประสงค์ของวัคซีนป้องกันไข้เหลือง 

  • อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป: อาการปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด (พบได้ 1 ใน 4 ราย) 
  • อาการข้างเคียงรุนแรง (พบน้อยมาก)
    • การแพ้ชนิดเฉียบพลัน เช่น มีผื่นลมพิษ หน้าบวม หลอดลมตีบ
    • อาการทางระบบประสาท เช่น สมองอักเสบ (encephalitis) เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) กล้ามเนื้ออัมพาตอ่อนแรงเฉียบพลัน (Guillain-Barré Syndrome)
    • อวัยวะต่างๆ ทำงานผิดปกติ หรืออวัยวะล้มเหลวจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ในบริเวณที่มีการระบาดของโรคนี้ พบข้อมูลรายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ชนิดรุนแรงที่ส่งผลต่อ ตับ ไต ระบบประสาท หลังได้รับวัคซีนพบอยู่ที่ 0-0.21 รายต่อการได้รับวัคซีนนี้ 10,000 dose



ความจำเป็นของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองสำหรับนักเดินทาง

ตามข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) กำหนดว่า ผู้ที่จะเดินทางไปแหล่งพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้เหลืองจำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วันก่อนออกเดินทาง และต้องมีสมุดรับรองการฉีดวัคซีนไข้เหลืองที่มีตราประทับจากสถาบันที่ได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก 

สำหรับผู้ที่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองจะต้องมีเอกสารรับรองจากแพทย์ว่าการฉีดวัคซีนนั้นอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงชีวิตได้ และระบุลงในสมุดวัคซีนไข้เหลืองในส่วนของ Medical Contraindications to Vaccination



การให้วัคซีนไข้เหลืองร่วมกับวัคซีนชนิดอื่น

  • สามารถฉีดวัคซีนไข้เหลืองพร้อมวัคซีนชนิดอื่นได้ โดยฉีดวัคซีนคนละตำแหน่งกัน การฉีดวัคซีนหลายชนิดพร้อมกันไม่มีผลกระทบต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน
  • สำหรับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ เช่น วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม วัคซีนอีสุกอีใส หากไม่ได้ฉีดพร้อมกับวัคซีนไข้เหลือง ควรฉีดห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ยกเว้นวัคซีนไทฟอยด์ชนิดรับประทานสามารถให้พร้อมกัน หรือให้ก่อนหรือหลังวัคซีนไข้เหลืองเป็นเวลาเท่าใดก็ได้
  • ควรหลีกเลี่ยงการบริจาคเลือดภายใน 14 วันหลังจากการฉีดวัคซีน 


เอกสารอ้างอิง



 
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แก้ไขล่าสุด: 29 มีนาคม 2568

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs