ท้องผูกตั้งแต่จำความได้ แต่สามารถรักษาได้ด้วยการฝึกเบ่ง (Biofeedback)
“ครั้งแรกที่ฝึก biofeedback หรือการฝึกเบ่งให้ถูกวิธีเพื่อรักษา
อาการท้องผูก ไม่สามารถเบ่งลูกบอลออกมาได้เลย แต่หลังจากจบคอร์ส สามารถที่จะบังคับการเบ่งลูกบอลออกมาได้ แล้วการขับถ่ายก็ดีขึ้นเป็นระยะ สามารถถ่ายได้เอง อาทิตย์หนึ่งไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง”
คุณเจนณิสตา มีอาการท้องผูกเรื้อรังตั้งแต่จำความได้ แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ จึงซื้อยาระบายหรืออาหารเสริมประเภทดีท็อกซ์เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูกมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งคุณเจนณิสตากำลังจะเดินทาง จึงซื้อยาระบายตัวใหม่มารับประทาน แต่หลังจากนั้น คุณเจนณิสตามีอาการปวดท้องบิดอย่างมาก จึงได้แวะโรงพยาบาลระหว่างทาง ผลเอกซเรย์พบว่ามีอุจจาระเต็มท้อง แพทย์ได้ให้ยาระบายเพื่อช่วยในการขับถ่าย ทำให้มีอาการดีขึ้น หลังจากนั้นแพทย์นัดให้เข้าไปตรวจร่างกายเพิ่มเติม หลังจากแพทย์ได้ตรวจร่างกายและส่องกล้องตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ แพทย์เลยสงสัยว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องของหูรูด จึงได้มาพบกับ
ศ.นพ. สุเทพ กลชาญวิทย์ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือตรวจวัดการทำงานของทวารหนักและหูรูดทวารหนัก (anorectal manometry) เพราะเครื่องมือนี้ช่วยในการวินิจฉัยผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ประสบการณ์ในการรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังด้วยการฝึกเบ่ง
ศ.นพ. สุเทพ กลชาญวิทย์ ได้วินิจฉัยว่าคุณเจนณิสตามีภาวะ Dyssynergic defecation ซึ่งเกิดจากภาวะหูรูดทวารหนักทำงานไม่สัมพันธ์กับการสั่งการหรือการเบ่งถ่ายอุจจาระผิดวิธี ทำให้เวลาขับถ่ายแทนที่จะสั่งให้หูรูดคลายตัวกลับสั่งให้หูรูดปิดแทน ส่งผลให้มีอาการท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งรักษาได้โดยการฝึกเบ่งให้ถูกวิธี (biofeedback therapy)
การฝึกเบ่งให้ถูกวิธี เป็นวิธีการรักษาผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมักมาจากการเบ่งไม่ถูกวิธี ในการฝึกเบ่งเครื่อง biofeedback จะแสดงให้เห็นถึงแรงเบ่งและการทำงานของหูรูดทวารหนักขณะเบ่ง ทำให้ผู้ป่วยรู้จากจอคอมพิวเตอร์ว่ามีแรงเบ่งมากน้อยเพียงใดและหูรูดทวารหนักกำลังเกร็งหรือคลายตัวอยู่ ระหว่างการฝึกจะมีแพทย์และนักบำบัดเฉพาะทางคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา
คุณเจนณิสตาได้เล่าประสบการณ์ในการรักษาให้เราฟังว่า “ฝึกไปคอร์สหนึ่ง นัดมาทุกสองสัปดาห์ โดยมีตารางให้ไปจดว่า ทานอาหารมื้อเช้าเป็นอะไร ขับถ่ายตอนไหน พอฝึกไปแล้ว เค้าบอกให้จำความรู้สึกว่าถ้าเบ่งอยู่ ความรู้สึกเป็นแบบนี้ ถ้าขมิบอยู่ความรู้สึกเป็นแบบนี้ แล้วทุกครั้งที่ขับถ่ายที่บ้านให้เบ่งแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้”
ประทับใจในความชำนาญและความใส่ใจของแพทย์และสหสาขาวิชาชีพ
คุณเจนณิสตาเล่าว่า “อาจารย์มีเวลาในการฟัง ใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง และให้ทำตาราง ทำให้เราเห็นชัดเลยว่าไลฟ์สไตล์เราแย่มาก กินน้ำน้อยมาก ทุกครั้งที่ถือตารางไป อาจารย์จะชี้ให้เห็นว่าตรงไหนที่ต้องเปลี่ยน ทำให้เราเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ได้จริง”
นอกจากนี้คุณเจนณิสตายังประทับใจเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการในช่วงการฝึกเบ่ง โดยกล่าวว่า “พี่เจ้าหน้าที่มีความใส่ใจ ทุกครั้งที่มาจะคอยสังเกตว่าอันนี้เข้าใจหรือยัง วันนี้เราสะดวกสบายที่จะเริ่มกิจกรรมไหม พอสังเกตเห็นอาการว่าเราเริ่มไม่ไหวก็จะให้พักก่อนแล้วค่อยทำต่อ สามารถยืดหยุ่นเวลาได้”
ชีวิตหลังการรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป
ปัจจุบัน คุณเจนณิสตาสามารถถ่ายได้เองเป็นกิจวัตรในทุกเช้า โดยไม่ต้องรับประทานยา ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงจากยาหรืออาหารเสริม คุณเจนณิสตาเล่าว่า “สามารถถ่ายเอง แม้ตอนที่ฉีดยาฮอร์โมนกระตุ้นเพื่อเก็บไข่ ปกติจะทำให้ท้องอืดมากกว่าเดิม แต่ว่าเราสามารถถ่ายได้อยู่โดยไม่ต้องใช้ยาระบายเลย”
คุณเจนณิสตาได้กล่าวปิดท้ายถึงโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ว่า
“มีคุณหมอที่มีความสามารถ บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เครื่องมือครบครัน สามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์เรามากที่สุด ดูแลครบจบในที่เดียว ถ้าไปที่อื่นที่ไม่สามารถวินิจฉัยหรือไม่มีเครื่องมือที่พร้อม เราอาจเสียเงินมากกว่านี้กว่าจะมาถึงการรักษาที่ถูกจุด”
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 04 กรกฎาคม 2567