เมื่อพูดถึงมะเร็งทางนรีเวชที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ ผู้หญิงหลายคนมักคุ้นเคยกันดีกับมะเร็งปากมดลูก แต่ทราบหรือไม่ว่ายังมีมะเร็งอีกชนิดหนึ่งซึ่งพบได้มากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ “มะเร็งมดลูก”
ในปัจจุบันมะเร็งทางนรีเวชที่พบได้มากที่สุด 4 อันดับแรกเรียงตามลำดับ ได้แก่
มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก และ
มะเร็งรังไข่ แต่มีข้อสังเกตว่าแม้มะเร็งเต้านมจะพบได้มากที่สุด แต่อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้กลับต่ำกว่ามะเร็งปากมดลูก ทั้งๆ ที่มะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถป้องกันได้ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในยังเป็นเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังอายและไม่คุ้นเคย และเมื่อเปรียบเทียบ
มะเร็งปากมดลูกกับมะเร็งมดลูก พบว่ามะเร็งมดลูกมีอุบัติการณ์ที่พบได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ในขณะที่มะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะประเทศอเมริกา อังกฤษ และทวีปยุโรป ซึ่งอาจเป็นเพราะประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคและเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น
สำหรับมะเร็งมดลูกนั้น คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าคือที่เดียวกับปากมดลูก แต่แท้จริงแล้วเป็นคนละที่กัน บางครั้งจึงเกิดความเข้าใจว่าการตรวจภายในหรือ
การตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นการตรวจมะเร็งในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ที่ครบถ้วน ทั้งๆ ที่การตรวจ
มะเร็งปากมดลูกเป็นเพียงแค่การตรวจส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงการตรวจมะเร็งมดลูกด้วย
การเกิดมะเร็งมดลูกยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่พบว่าอาจมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ เนื่องจากมะเร็งชนิดนี้เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนในร่างกายผู้หญิง ดังนั้นผู้หญิงที่มี
บุตรน้อยหรือไม่มีบุตร มีประจำเดือนเป็นเวลานานแม้จะถึง
วัยที่ควรหมดประจำเดือนแล้ว มีภาวะฮอร์โมนผันผวน เช่น ตกไข่บ้างไม่ตกไข่บ้าง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รวมถึงผู้ที่เป็น
โรคเบาหวาน อ้วน มีน้ำหนักตัวมากเกินไป ก็อาจมีความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งมดลูกได้มากขึ้น
มะเร็งมดลูกจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะช่วงอายุ 35-45 ปี จะพบได้ในคนที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น อีกระยะคือ ช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้หญิงมักมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น มาบ้างไม่มาบ้าง หรือมาเกินกว่าปกติที่เคยมี จากที่เคยมี 3-7 วันกลายเป็นมีๆ หยุดๆ หรือมีเกิน 7 วัน ทำให้อาจเข้าใจว่าเป็นอาการของการเข้าสู่วัยทองหรือเป็นเพียงสัญญาณของการหมดประจำเดือน
ทั้งนี้
อาการของมะเร็งมดลูกหรือมะเร็งโพรงมดลูกมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ ประจำเดือนผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนที่มีประจำเดือนผิดปกติจะต้องเป็นมะเร็งมดลูก
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่ไม่ควรละเลยคือ หากมีประจำเดือนผิดปกติควรรีบพบสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ในปัจจุบันจะยังไม่มี
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งมดลูก แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น หากผู้หญิงที่มีความผิดปกติของประจำเดือนมาพบสูตินรีแพทย์ แพทย์จะทำ
การอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ หรืออาจใช้วิธีการส่องกล้องเข้าทางปากมดลูกเพื่อตรวจโพรงมดลูกว่ามีเนื้องอกหรือมะเร็งหรือไม่ หากสงสัยว่าอาจมีความผิดปกติก็จะใช้หลอดเล็กๆ เก็บเนื้อตัวอย่างในโพรงมดลูกไปตรวจ เพื่อจะได้วินิจฉัยให้ถูกต้อง
ในส่วนของ
การรักษามะเร็งมดลูก หากตรวจพบในระยะเริ่มแรกสามารถผ่าตัดได้ หรือจะใช้วิธีผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ แผลเล็ก สามารถฟื้นตัวและกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น โดยการผ่าตัดรักษามะเร็งมดลูกในระยะแรกนั้นง่ายกว่า
การผ่าตัดมะเร็งปากมดลูก และผู้ป่วยมีโอกาสหายได้ถึง 90%
ดังนั้น
หากมีประจำเดือนผิดปกติ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใด ควรรีบมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยจะเป็นการดีที่สุด
เรียบเรียงโดย นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวช
ศูนย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 14 มกราคม 2567