คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่มีอาการหลงๆ ลืมๆ อยู่เป็นประจำ ในบางครั้งอาการหลงลืมที่เกิดขึ้นกับคนเราบ่อยๆ อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในบางครั้งอาการหลงลืมนั้นอาจไม่ใช่เพียงแค่อาการหลงลืมปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน แต่เป็นอาการที่เป็นผลมาจาก
ภาวะสมองเสื่อม ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อตัวคนๆ นั้นและคนรอบข้าง รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
สมองเสื่อม (dementia) เป็นภาวะที่สมองมีการทำงานแย่ลงจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยกลุ่มอาการหลายๆ อย่างรวมกัน เช่น หลงลืมง่าย คิดเงินไม่ถูก หาของไม่เจอ หลงทางในที่คุ้นเคย มีพฤติกรรมแปลกๆ เป็นต้น โดยสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมมีมากมาย ทั้งที่เป็นโรคของสมองและไม่ใช่โรคของสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ เนื้องอกในสมอง เลือดออกในสมอง ไทรอยด์ การขาดวิตามินบี 12 ยาบางชนิด (เช่น ยาแก้แพ้หรือ antihistamine)
ภาวะซึมเศร้า และ
ที่สำคัญ ได้แก่ อัลไซเมอร์ ซึ่งพบว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้บ่อยที่สุด ทั้งนี้สาเหตุของภาวะสมองเสื่อมที่ไม่ใช่อัลไซเมอร์อาจรักษาให้หายขาดได้โดยแก้ไขที่สาเหตุนั้น แต่หากสาเหตุเกิดจากโรคอัลไซเมอร์ การรักษาอาจเน้นการประคับประคองอาการ โดยอาจทำให้ดีขึ้นได้ในระยะหนึ่ง แม้ไม่หายขาดแต่ก็ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกิดจากการเกาะกลุ่มของโปรตีนเบตาอะไมลอยด์ชนิดไม่ละลายน้ำที่มาจับที่เซลล์สมอง ทำให้ส่งผลต่อความจำ โดยส่วนใหญ่โรคอัลไซเมอร์จะมีโอกาสพบได้มากในผู้ที่สูงอายุ คือ อายุ 65 ปีพบประมาณ 8% อายุ 75 ปีพบ 15-20% และอายุ 85 ปีขึ้นไปพบประมาณ 30-50% ยกเว้นในกรณีที่เกิดจากพันธุกรรม อาจพบได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 60 ปี อย่างไรก็ดีโรคอัลไซเมอร์พบจากพันธุกรรมเพียง 5% เท่านั้น
อาการหลงลืมของโรคอัลไซเมอร์มีได้หลายรูปแบบ และผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ซึมเศร้า คึกคัก ก้าวร้าว หรือแม้กระทั่งทำร้ายคนที่มาดูแล โดยอาการจะรุนแรงขึ้นตามระยะที่เป็น
หลงลืมแบบนี้...อาการของอัลไซเมอร์
ระยะแรก – อาการในระยะนี้จะเป็นอาการหลงลืม ได้แก่
- ถามซ้ำๆ หรือถามอะไรที่เพิ่งผ่านมา เช่น ถามชื่อบ่อยๆ ทำให้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน หน้าที่การงาน หรือเข้าสังคม
- ลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีหรือชั่วโมงที่ผ่านมา
- ลืมนัดบ่อยๆ
- คิดช้าลง เริ่มคิดไม่ออก นึกคำพูดไม่ออกหรือพูดคำไม่ถูกต้องแต่ใกล้เคียง
- หาของไม่เจอและมักคิดว่ามีคนมาขโมยไป
- วางของผิดที่แบบแปลกๆ เช่น วางกระเป๋าเงินในตู้เย็น วางกุญแจรถในบ่อปลา
ระยะต่อมา
- เริ่มมีการตัดสินใจไม่สมเหตุสมผล
- อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว ซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ดูแล โดยเฉพาะพฤติกรรมก้าวร้าว
- สับสนทิศทาง หลงทางในที่ที่คุ้นเคย ทำให้มีปัญหากลับบ้านไม่ถูก
- คิดอะไรที่ซับซ้อนไม่ได้ ทอนเงินไม่ถูก
- ทำอะไรที่ต้องวางแผนไม่ค่อยได้
- ทักษะที่เคยทำได้ทำยากขึ้น เช่น เป็นแม่ครัวแต่ทอดไข่ไม่ได้
- เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายที่ชัดเจน
|
จะเห็นได้ว่าอาการต่างๆ ที่เกิดจากภาวะสมองเสื่อมส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของผู้ป่วย ดังนั้นหากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะสมองเสื่อม ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อแพทย์จะได้หาสาเหตุที่ชัดเจนของภาวะสมองเสื่อม หากสาเหตุนั้นไม่ใช่โรคอัลไซเมอร์จะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายของผู้ป่วยว่าสอดคล้องกับอาการสมองเสื่อมหรือไม่ ร่วมกับทำการตรวจอื่นๆ เช่น การตรวจร่างกายทางระบบประสาท การตรวจสมรรถภาพสมอง การตรวจเลือด และ
การตรวจสมองโดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
แม้ว่าในปัจจุบัน
ภาวะสมองเสื่อมบางชนิด เช่น
อัลไซเมอร์ อาจยังไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่การดูแลรักษาสมองก็จะส่งผลต่อสุขภาพสมองที่ดีในระยะยาว
เคล็ดลับการดูแลรักษาสุขภาพสมอง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรเข้านอนเกินสี่ทุ่มถึงห้าทุ่ม และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน ในสถานที่เงียบสงบ เพื่อให้การนอนมีคุณภาพมากที่สุด
- ฝึกสมองโดยการเล่นเกมที่เกี่ยวกับความจำหรือคำนวณตัวเลข
- ทำอะไรที่ขัดกับธรรมชาติที่เคยทำทุกวัน เช่น เคยติดกระดุมด้วยมือขวาให้เปลี่ยนมาติดด้วยมือซ้าย เคยกินข้าวด้วยมือขวาให้เปลี่ยนมากินด้วยมือซ้าย เปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน
- พยายามทำกิจกรรม 2 อย่างให้ได้ในเวลาเดียวกัน เช่น ดูละครพร้อมกับอ่านตัววิ่งที่อยู่ด้านล่างจอโทรทัศน์
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายที่ช่วยเรื่องสมองจะต้องเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค หัวใจต้องเต้นเร็วขึ้น วันละ 20-30 นาที อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงความเครียด
|
เรียบเรียงจาก การเสวนาความรู้เพื่อสุขภาพ เรื่อง “สมองใส ห่างไกลโรค” บรรยายโดย นายแพทย์เขษม์ชัย เสือวรรณศรี อายุรแพทย์ด้านประสาทวิทยา ศูนย์ประสาทวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 17 มีนาคม 2566