ข่าวระดับมลพิษที่สูงขึ้นในกรุงเทพพักหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ศัพท์ที่เราไม่คุ้นเคยกันเป็นที่รู้จักและสนใจขึ้นมา อย่างเช่น มลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศ อนุภาค ละอองธุลี หน้ากาก N95 และดัชนีคุณภาพอากาศ (particle pollution, particulate matter, N95 และ AQI) และทำให้ผู้คนตื่นตัวเรื่องอันตรายจากมลพิษในอากาศมากขึ้น เป็นที่เข้าใจได้ว่า ผู้คนต่างพากันกังวลห่วงใยถึงผลกระทบของมลพิษดังกล่าวต่อสุขภาพทั้งของตนและลูกหลาน และอยากรู้ว่าแล้วเราควรจะมีมาตรการปกป้องดูแลสุขภาพอย่างไร
ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายของมลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศ และวิธีป้องกันดูแลตนเองมีดังนี้
มลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศมีที่มาหลากหลาย รวมถึงฝุ่นผง ละอองธุลี ขี้เถ้า และเขม่าควัน และเกิดขึ้นทั้งจากแหล่งธรรมชาติ (เช่น เกลือทะเล) และที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างไอเสียจากรถยนต์และรถบรรทุก เมืองใหญ่และเขตอุตสาหกรรมที่มีการจราจรหนาแน่น โรงงาน และงานก่อสร้างมากมายมีแนวโน้มที่จะมีอันตรายจากการเจอกับมลพิษจากฝุ่นละอองมากกว่า แต่เขตชนบทก็มีความเสี่ยงเช่นกัน จากฝุ่นบนถนนที่ยังไม่ได้ลาดยางหรือโรยหิน จากมลพิษทางเกษตรกรรมในรูปของแอมโมเนียซึ่งเข้ามาอยู่ในอากาศในรูปของก๊าซจากพื้นที่เพาะปลูกที่มีการใช้ปุ๋ยและมูลสัตว์ และจากหมอกควันที่เกิดขึ้นเมื่อชาวไร่ชาวนาเผาพื้นที่เพื่อเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกฤดูต่อไป
ยิ่งละอองฝุ่นมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็ยิ่งเป็นอันตรายคุกคามต่อสุขภาพเท่านั้น ขึ้นชื่อว่ามลพิษ ก็นับว่าเลวร้ายทั้งสิ้น แต่มลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเล็กลงไปอีกยิ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแท้จริง เนื่องจากมันสามารถถูกสูดหายใจเข้าไป และมีขนาดเล็กพอที่จะเข้าไปลึกถึงปอดและทางเดินหายใจได้ – บางอนุภาคอาจจะเข้าไปถึงกระแสเลือดและไหลเวียนทั่วร่างกายของเราได้ในที่สุด
ผลกระทบจากมลพิษละอองฝุ่นดังกล่าวต่อสุขภาพนั้นร้ายแรงกว่าที่เคยคิดกัน : จากงานศึกษาวิจัยสำคัญๆ ในระยะสิบปีที่ผ่านมา เดี๋ยวนี้ เราได้รู้แล้วว่า มลพิษทางอากาศเป็นอันตรายคุกคามสุขภาพของเรามากกว่าที่เราเคยเข้าใจ องค์การอนามัยโลกประมาณการว่ามีประชากรที่ต้อง “ตายก่อนเวลาอันควร” เนื่องจากมลพิษในอากาศทั่วโลกมากกว่าหกล้านคนในแต่ละปี และในจำนวนนี้ เป็นเด็กอายุต่ำกว่าห้าขวบราวร้อยละสิบ คือประมาณ 600,000 คน มีงานวิจัยที่แสดงด้วยว่า เมื่อคุณภาพอากาศเลวลง อัตราการไปห้องฉุกเฉินและการเข้าอยู่โรงพยาบาลจะสูงขึ้น เพราะมลพิษทำให้ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่กำเริบขึ้น และเป็นเหตุให้หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ หอบหืดกำเริบ และอื่นๆ อีกมากมาย
- อันตรายคุกคามต่อหัวใจ งานวิจัยได้แสดงว่าการเผชิญกับมลพิษในอากาศอาจทำให้เกิดเหตุรุนแรงเฉียบพลันกับกล้ามเนื้อหัวใจได้ รวมทั้งหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นแรงขึ้น อัตราการผันแปรการเต้นของหัวใจลดลง ตลอดจนมีความเสี่ยงที่จะเกิดการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานปรากฏไม่นานมานี้ด้วยว่า ภาวะหลอดเลือดแข็ง และการเผชิญกับอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นระยะยาวมีความเชื่อมโยงกัน โดยที่มีการสะสมตะกอนที่เรียกว่าพลาคภายในหลอดเลือดซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและหลอดเลือดสมองตีบจนถึงตายได้
- อันตรายคุกคามต่อสมอง : เป็นที่เชื่อกันว่า การเผชิญกับมลพิษในอากาศเป็นระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในสมองได้
คุณอาจจะอยู่ในกลุ่มที่มีภาวะความเสี่ยงสูง : การเผชิญกับอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นอันตรายต่อสุขภาพยิ่งขึ้นสำหรับเด็ก หญิงมีครรภ์ ผู้สูงวัย และผู้ที่เป็นโรคปอดหรือโรคหัวใจ
- เด็กอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงด้วยเหตุหลายประการ – ส่วนใหญ่แล้ว ยิ่งอายุน้อยเท่าใด ความเสี่ยงยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ปอดและระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา มีงานศึกษาวิจัยที่แสดงว่าการเผชิญกับมลพิษในอากาศจะขัดขวางการเจริญเติบโตของปอดในเด็กในวัยเรียน เมี่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่แล้ว เด็กใช้เวลาอยู่กลางแจ้งเพื่อเล่นกีฬาและทำกิจกรรมนอกบ้านมากกว่า นอกจากนั้น เด็กยังมีอัตราที่จะเป็นโรคหอบหืดและโรคระบบทางเดินหายใจที่รุนแรงอื่นๆ มากกว่า ซึ่งโรคเหล่านี้กำเริบขึ้นได้อย่างง่ายดายเมื่อระดับมลพิษสูง
- หญิงมีครรภ์ น่าจะอ่อนแอเป็นพิเศษกับมลพิษในอากาศ งานศึกษาวิจัยเมื่อเร็วๆ มานี้แสดงว่า การเผชิญกับมลพิษในอากาศจากฝุ่นละอองในระดับสูงระหว่างตั้งครรภ์มีความเชื่อมโยงกันกับการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวทารกแรกคลอดต่ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดการแท้งบุตรและอัตราการตายของทารกเพิ่มขึ้น
- ผู้สูงวัย ต้องเผชิญกับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะมีปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับมลพิษ ทั้งนี้เพราะระบบภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุมักจะอ่อนแอลง และร่างกายมักจะมีความสามารถน้อยลงที่จะรับมือกับมลพิษในอากาศ นอกจากนั้น ผู้สูงอายุยังมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะมีอาการเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยซึ่งกำเริบขึ้นเนื่องจากมลพิษในอากาศ
ดัชนีคุณภาพอากาศ
|
กลุ่มคนที่ควรวิตกกังวล
|
ข้อควรปฏิบัติ
|
ดี 0-50
|
คุณภาพอากาศดีมาก ควรออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
|
ปานกลาง 51-100
|
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไวเป็นพิเศษต่อมลพิษในอากาศจากอนุภาคฝุ่นละออง
|
ผู้ที่เสี่ยงเป็นพิเศษ: พิจารณาลดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือเวลานาน เฝ้าสังเกตอาการอย่างเช่นหายใจลำบาก หรือหายใจหอบถี่ ไอ ซึ่งเป็นอาการที่แสดงว่าควรเพลาการใช้กำลังกายลง
คนอื่นๆ ทุกคน: ควรออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
|
ไม่ดีต่อสุขภาพสำหรับกลุ่มเสี่ยง 101-150
|
กลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่ไวต่อมลพิษรวมถึงผู้ที่เป็นโรคปอดหรือโรคหัวใจ ผู้สูงอายุ เด็กและวัยรุ่น
|
กลุ่มเสี่ยง: ลดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือเวลานาน อยู่กลางแจ้งได้ไม่เป็นปัญหา แต่ควรพักบ่อยๆ และทำกิจกรรมที่ไม่หักโหมนัก เฝ้าสังเกตอาการอย่างเช่นหายใจลำบาก หรือหายใจหอบถี่ ไอ
ผู้เป็นโรคหอบหืดควรปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติเมื่อหอบหืดและควรมียาบรรเทาอาการติดตัว
สำหรับผู้เป็นโรคหัวใจ: พึงทราบว่าอาการใจสั่น หายใจลำบาก หรือเหนื่อยล้าผิดปกติบ่งถึงภาวะร้ายแรงได้ ควรพบแพทย์ผู้ดูแล
|
ไม่ดีต่อสุขภาพ 151-200
|
ทุกคน
|
กลุ่มเสี่ยง: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือเวลานาน ย้ายไปทำกิจกรรมภายในอาคารหรือเมื่อคุณภาพอากาศดีขึ้น
คนอื่นๆ ทุกคน: ลดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือเวลานาน หยุดพักบ่อยขึ้นขณะทำกิจกรรมกลางแจ้ง
|
ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก 201-300
|
ทุกคน
|
กลุ่มเสี่ยง: หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านทุกอย่าง ย้ายไปทำกิจกรรมภายในอาคารหรือเมื่อคุณภาพอากาศดีขึ้น
คนอื่นๆ ทุกคน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือเวลานาน พิจารณาการย้ายไปทำกิจกรรมภายในอาคารหรือเมื่อคุณภาพอากาศดีขึ้น
|
อันตราย 301-500
|
ทุกคน
|
ทุกคน: หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านทุกอย่าง
กลุ่มเสี่ยง: ให้อยู่ภายในอาคารและไม่ทำกิจกรรมมาก ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องวิธีการลดอนุภาคฝุ่นละอองภายในอาคาร
|
ที่มา [O1] : https://www.epa.gov/pmcourse/patient-exposure-and-air-quality-index
คุณสามารถลดทอนอันตรายที่อาจเกิดกับคุณได้ โดยการเฝ้าตรวจสอบระดับมลพิษแบบเรียลไทม์และการพยากรณ์ดัชนีคุณภาพอากาศ ซึ่งมีพร้อมให้ดูออนไลน์ และผ่านสมาร์ทโฟนแอพ อย่างเช่น Asia Air Quality (Android), Global Air Quality (Android) และ Air Quality Index (iOS)
ในช่วงที่ระดับมลพิษสูงขึ้น ควรปฏิบัติดังนี้
- ลดกิจกรรมนอกบ้าน : อันตรายความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากมลพิษในอากาศจะเพิ่มขึ้นหากทำกิจกรรมนอกบ้านที่ใช้กำลังมาก ตามระยะเวลาที่อยู่กลางแจ้ง และระดับความรุนแรงของมลพิษ ดังนั้น เราสามารถลดอันตรายลงได้โดยลดระดับการใช้กำลัง (ตัวอย่างเช่น เดินแทนที่จะวิ่งเหยาะๆ) ลดเวลาอยู่กลางแจ้งลง และวางแผนเลี่ยงทำกิจกรรมในช่วงเวลาหรือในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง อย่างเช่นถนนที่มีการจราจรติดขัดและทางหลวงที่มีผู้ใช้หนาแน่น
- อยู่ภายในอาคารเมื่อระดับมลพิษสูง : เมื่อระดับมลพิษขึ้นสูงขนาดที่เป็นอันตราย ให้พิจารณาการอยู่ภายในอาคารและย้ายไปทำกิจกรรมภายในอาคาร เช่น แทนที่จะออกกำลังบริหารร่างกายกลางแจ้ง ให้มาออกกำลังในโรงยิมแทนเพื่อใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมที่อากาศสะอาดกว่า
- ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร : ปิดหน้าต่างให้หมดในช่วงมลพิษสูง ปรับเครื่องปรับอากาศให้ใช้อากาศภายในอาคารหมุนเวียนแทนที่จะดึงเอาอากาศภายนอกเข้ามา พิจารณาการใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีเครี่องกรองอนุภาคฝุ่นละอองที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้เพื่อลดระดับอนุภาคภายในอาคาร แต่ควรมั่นใจว่าเครื่องฟอกอากาศนั้นมีขนาดเหมาะกับห้อง คอยดูแลให้บริเวณแวดล้อมบ้านปราศจากควัน และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งที่มีการเผาไหม้ เช่น เทียน การปิ้งย่าง หรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ทำให้เกิดควัน
- สวมหน้ากากป้องกันทางเดินหายใจที่เหมาะสม เมื่อสวมอย่างถูกต้องแล้ว หน้ากากป้องกันทางเดินหายใจจะสามารถกรองอนุภาคฝุ่นละอองที่สร้างมลพิษในอากาศได้สูงถึงร้อยละ 99 (หน้ากาก N95 กรองได้อย่างน้อยร้อยละ 95 ส่วนหน้ากาก N99 กรองได้ร้อยละ 99) แต่หน้ากากเหล่านี้จะใช้การได้ดีก็ต่อเมื่อสวมอย่างถูกต้องเท่านั้น ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าสวมตามวิธีการที่ระบุไว้และหมั่นตรวจสอบให้หน้ากากรกระชับกับหน้าอย่างเหมาะสม อนึ่ง ควรเข้าใจว่าหน้ากากป้องกันทางเดินหายใจต้านมลพิษไม่เหมือนกับกับหน้ากากที่แพทย์และพยาบาลใส่ในห้องผ่าตัด หรือหน้ากากที่ทำจากผ้าหรือกระดาษ – ซึ่งหน้ากากพวกนี้ไม่มีประสิทธิผลเลยโดยสิ้นเชิงในการต้านมลพิษในอากาศจากอนุภาคฝุ่นละออง หน้ากาก N95 และ N99 มีจำหน่ายตามร้านค้าส่วนใหญ่ที่ขายผลิตภัณฑ์ปรับปรุงที่อยู่อาศัยและผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย
สนใจสังเกตอาการ : ปรึกษาแพทย์หากมีอาการใหม่ๆ ที่แสดงถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจ หรือหากท่านสังเกตว่าสุขภาพแย่ลง
ศูนย์โรคปอดบำรุงราษฎร์
อาการเรื้อรังต่อเนื่องอย่างเช่น การหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ หรือไอรุนแรง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งถึงปัญหาที่มีสาเหตุเกี่ยวกับสภาพปอดหรือการทำงานของปอด ศูนย์โรคปอดบำรุงราษฎร์มีบริการทดสอบเพื่อตรวจวินิจฉัย และดูแลรักษาภาวะเกี่ยวกับปอด รวมถึงหอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ ถุงลมในปอดโป่งพอง ปอดติดเชื้อ มะเร็งปอดเนื้อเยื่อในปอดอักเสบ
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2567