bih.button.backtotop.text

การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก (Endoscopic Sleeve Gastroplasty:ESG)

การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเป็นการลดน้ำหนักด้วยวิธีการแบบใหม่ ซึ่งเลียนแบบประโยชน์ของการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักด้วยวิธี Sleeve Gastrectomy แต่ใช้วิธีการที่ไม่มีแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง ดังนั้นจึงลดผลข้างเคียงจากการเกิดอาหารแทรกซ้อนและทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่ได้มาทดแทนวิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบมาตรฐาน แต่ถือเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

ประโยชน์ของการส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก
การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารนอกจากจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถช่วยควบคุมให้โรคร่วมอื่นๆดีขึ้นด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสูง และการหยุดหายใจขณะนอนหลับ เทคนิคการส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักมีเป็นเทคนิคใหม่ที่เริ่มใช้ในต่างประเทศช่วง 10 ปีทีผ่านมา และเป็นที่คาดว่าจะสามารถลดอัตราเสี่ยงโรคร่วมอื่นๆที่มักมาพร้อมโรคอ้วน เช่น โรคหัวใจ โรคกระดูกข้อเสื่อม ไตวาย โรคมะเร็งบางชนิด รวมไปถึงโรคหลอดเลือดสมอง
การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักไม่ได้เหมาะสมกับคนไข้ที่มีน้ำหนักเกินทุกราย แพทย์จะทำการคัดกรองว่าวิธีการนี้เหมาะสมกับคนไข้หรือไม่และต้องแน่ใจว่าคนไข้พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและสามารถมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการตามนัดหมาย โดยทั่วไปคนไข้ที่เหมาะกับวิธีการนี้ คือ  
  • มีอายุมากกว่า 18 ปี
  • มีดัชนีมวลกาย (Body mass index, BMI) ระหว่าง 30 - 40
  • คนไข้ที่เคยผ่าตัดกระเพาะอาหารลดน้ำหนักด้วยวิธีการ Roux-en-Y gastric bypass และกลับมาอ้วนอีกครั้ง สามารถใช้วิธีการนี้เย็บซ่อมแซมกระเพาะได้ โดยเทคนิคในการส่องกล้องเพื่อเย็บรอยต่อระหว่างกระเพาะอาหารกับหลอดอาหารให้เล็กลง เรียกเทคนิคนี้ว่า endoscopic transoral gastric outlet reduction
  • ไม่มีภาวะการกินอาหารที่ผิดปกติ (eating disorder) เช่น โรคบูลิเมีย
  • ไม่มีปัญหาเลือดออกในทางเดินอาหารและโรคกรดไหลย้อนรุนแรง
  • ไม่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด
ก่อนการทำหัตถการ คนไข้ต้องตรวจร่างกาย เช่น เจาะเลือด ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ พบแพทย์โรคหัวใจ แพทย์ทางเดินหายใจและปอด รวมถึงวิสัญญีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและประเมินความเสี่ยงจากการเกิดอาการแทรกซ้อนระหว่างการผ่าตัด งดดื่มน้ำและรับประทานอาหารทุกชนิดก่อนการทำหัตถการ 8-12 ชั่วโมง
แพทย์จะส่องกล้องผ่านทางปากคนไข้ลงไปสู่กระเพาะอาหารหลังจากคนไข้หลับ เป้าหมายคือลดขนาดของกระเพาะเช่นเดียวกับการผ่าตัดกระเพาะอาหารด้วยวิธี laparoscopic sleeve gastrectomy โดยแพทย์จะกำหนดตำแหน่งที่จะเย็บก่อน ด้วยการลากเส้นลงบนกระเพาะอาหารทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง หลังจากนั้นแพทย์จะนำอุปกรณ์สำหรับเย็บกระเพาะ (endoscopic suturing system) ที่มีลักษณะเหมือนจะงอยปากเหยี่ยวติดที่ปลายกล้องเพื่อเย็บกระเพาะด้านหน้าและด้านหลังให้ติดกันเป็นรูปตัวยู จนกระทั่งกระเพาะมีขนาดเล็กลงเท่ากับขนาดของกล้วยหอม การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 90 นาที
คนไข้ต้องรับประทานอาหารเหลวประมาณ 6 สัปดาห์เพื่อให้แผลสมานกันดี นอกจากนี้แพทย์จะให้ยาลดกรดเพื่อป้องกันแผลแยกออกจากกัน ที่สำคัญคือคนไข้ควรมาพบแพทย์และนักโภชนาการตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด
 
ข้อดีของวิธีการนี้มีอะไรบ้าง
เนื่องจากเป็นหัตถการที่ทำโดยการส่องกล้องเข้าไปทางปากของคนไข้ ดังนั้นจึงมีข้อดีหลายประการ เช่น  
  • ไม่มีแผลที่หน้าท้อง
  • เจ็บน้อยและลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการผ่าตัด
  • ฟื้นตัวภายในเวลา 1-3 วันโดยพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็สามารถกลับบ้านได้
ถึงแม้การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักเป็นวิธีการที่ปลอดภัย แต่อาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น  
  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งจะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน ทั้งนี้แพทย์จะให้ยาป้องกันการอาเจียนทั้งก่อนและระหว่างการส่องกล้อง
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะกรดไหลย้อนได้ แต่โอกาสเกิดน้อยกว่าการผ่าตัดกระเพาะแบบมาตรฐาน
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเพียง 1-2%
การส่องกล้องเย็บกระเพาะอาหารทำให้คนไข้ลดน้ำหนักตัวได้ประมาณ 15% ของน้ำหนักตัวเดิม (total weight loss) ภายในเวลา 1-2 ปี หากคนไข้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มาพร้อมกับความอ้วนเพราะทำให้คนไข้มีขนาดรอบเอวที่เล็กลง ระดับน้ำตาลสะสม (A1C) และระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง ความดันโลหิตดีขึ้น ตับทำงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจไม่ช่วยลดไขมันในเลือด (LDL) ได้มากนัก
แก้ไขล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2564

Related conditions

Doctors Related

Related Centers

ศูนย์ศัลยกรรม

ดูเพิ่มเติม

ศูนย์ทางเดินอาหาร-ตับ

ดูเพิ่มเติม

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

คะแนนโหวต NaN of 10, จากจำนวนคนโหวต 0 คน

Related Health Blogs