ไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นสาเหตุที่สำคัญของการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน พบได้บ่อยในประชากรทุกกลุ่มอายุ อาการแสดงมีตั้งแต่น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยการฉีดวัคซีน
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่คืออะไร ?
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccine) ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่าที่ตายแล้ว ซึ่งมี 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์หลัก (Trivalent inactivated influenza vaccine)
- กลุ่มที่มีส่วนประกอบของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์หลัก (Quadrivalent inactivated influenza vaccine)
โดยสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่นำมาผลิตวัคซีนจะแตกต่างกันในแต่ละปี ตามที่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) กำหนดให้ใช้
หลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค และภูมิคุ้มกันนี้จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี จึงแนะนำให้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วยังอาจเป็นโรคไข้หวัดใหญ่จากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่นที่ไม่ได้บรรจุในวัคซีน แต่ความรุนแรงของการเจ็บป่วยจะลดน้อยลง รวมถึงช่วยลดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ?
บุคคลทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย และเบาหวาน
- บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- โรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ) หรือผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด
- โรคอ้วน (น้ำหนัก > 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เมื่อใด ?
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ควรได้เป็นประจำทุกปี โดยแนะนำให้ฉีดก่อนฤดูฝน (ช่วงเดือนพฤษภาคม) หรือก่อนฤดูหนาว (ช่วงเดือนตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงเริ่มฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สำคัญอย่างไรในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ?
เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่และโรคโควิด 19 มีอาการคล้ายคลึงกัน จึงอาจส่งผลต่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาของแพทย์ได้ หากผู้ป่วยติดเชื้อ 2 โรคนี้พร้อมกัน จะทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้นด้วย
ดังนั้น การได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่จึงเป็นสิ่งจำเป็นในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 เพราะหากท่านติดเชื้อโควิด 19 การได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มาก่อน จะช่วยลดระยะเวลาในการรักษา ลดความรุนแรงของโรคจากภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ ท่านสามารถรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด 19 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเว้นระยะห่างระหว่างวัคซีนทั้ง 2 ชนิด
หากท่านต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ข้อมูลยาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2567