โรคริดสีดวงทวารหนักคืออะไร
โรคริดสีดวงทวารหนักเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่วัย 20 ปีขึ้นไป เกิดจากการบวมหรือการหย่อนยานของเนื้อเยื่อบริเวณภายในปากทวารหนัก โดยเนื้อเยื่อนี้ทำหน้าที่ช่วยยืดหยุ่น รองรับการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับทวารหนักและช่วยปิดรูทวารให้สนิท
อาการของโรคริดสีดวงทวารหนักมีอะไรบ้าง
อาการแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะตามความรุนแรงของโรค คือ
ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงยังอยู่ในทวารหนัก มักมีเลือดออกหลังถ่ายเสร็จ
ระยะที่ 2 มีเนื้อเยื่อโผล่ออกมาทางทวารหนักหลังจากถ่ายแล้วจะหดกลับเข้าไปได้เอง
ระยะที่ 3 มีเนื้อเยื่อโผล่ออกมาทางทวารหนัก ต้องใช้นิ้วดันถึงจะหดกลับเข้าไป
ระยะที่ 4 มีเนื้อเยื่อโผล่ออกมาทางทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้
โรคริดสีดวงทวารหนักเกิดจากอะไร
- พฤติกรรมการขับถ่ายที่ผิด เบ่งมาก นั่งนาน ถ่ายบ่อยหรือท้องผูก
- การตั้งครรภ์
- อายุมาก
- ไม่ออกกำลังกาย
- เป็นโรคอ้วน
วินิจฉัยได้อย่างไร
- ตรวจดูปากทวารหนัก
- ตรวจทวารหนักด้วยนิ้วมือ เพื่อแยกโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน
- ตรวจทวารหนักด้วยกล้องขนาดเล็ก เพื่อดูความผิดปกติได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
รักษาได้ด้วยวิธีใดบ้าง
การรักษาขึ้นอยู่กับระยะความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปทำได้ดังนี้
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น พฤติกรรมการขับถ่าย การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย
- การใช้ยา เช่น ยาระบาย ยาแก้ปวด ยาเหน็บ
- การฉีดยา เพื่อให้ริดสีดวงยุบลงสำหรับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงย้อยไม่มาก
- การใช้ยางรัด เพื่อให้หัวริดสีดวงหลุดออกมาเหมาะกับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงย้อยออกมาและมีขั้วขนาดเหมาะในการรัด
- การจี้ริดสีดวง เพื่อให้ริดสีดวงยุบและหยุดเลือดออก เหมาะกับผู้ป่วยในระยะที่ 1 และระยะที่ 2
- การผ่าตัด เหมาะกับผู้ป่วยในระยะที่ 3 บางรายและระยะที่ 4
ป้องกันและลดความเสี่ยงได้หรือไม่
สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักได้โดย
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ 6-8 แก้วต่อวัน
- ไม่นั่งนานๆ โดยเฉพาะนั่งส้วม
- หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแรงๆ หากเป็นโรคท้องผูกให้พบแพทย์เพื่อรักษา
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- อย่ากลั้นอุจจาระโดยไม่จำเป็น
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2565